หน้าหลักเกี่ยวกับวัดบุคลากรบริการLinks

จดหมายถึงเทวดา

ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี ครูคนหนึ่งได้ขอให้นักเรียนของเขาเขียนจดหมายถึงอารักขเทวดาของพวกเขาให้เรามาอ่านดูซิว่าเด็กพวกนี้เขาเขียนอะไรบ้าง “ เทวดาที่รักเป็นเวลานานพอสมควรแล้วที่พ่อแม่ของผมทะเลาะกันตลอดเวลาขอช่วยบอกอารักขเทวดาของท่านทั้งสองให้ปรองดองกันด้วยเถิดพวกท่านจะได้ไม่ทะเลาะกันอีกต่อไปได้ไหมครับ ? ขอบคุณครับ ”( มีคาแอลอายุ 9 ขวบ )
“ เทวดาที่รัก อัลโดและฟีลิปโปพูดกับผมว่า พวกเขาจะรอผมที่ทางออกเพื่อจะได้ชกต่อยผม ถ้าเทวดาจะช่วยผมด้วย เราก็จะเป็นสองต่อสอง ผมจะรอท่านนะครับ ” ( อาแลก อายุ 10 ขวบ )

“ เทวดาที่รัก ถ้าท่านอยู่เคียงข้างผมตลอดเวลาตามที่ครูคำสอนได้สอนผม เอาละผมอยากให้ท่านแสดงตัวให้ผมเห็นสักครั้ง เพราะว่าผมอยากจะพิสูจน์ครับ ” ( จีโน อายุ 8 ขวบ )

“ เทวดาที่รัก โปรดช่วยผมเวลาที่ผมอยู่คนเดียวในตอนกลางคืนเพื่อผมจะไม่ได้ไม่กลัว โปรดภาวนาเพื่อผมเสมอและอวยพรให้ผมด้วยครับ ” ( อันโตนีโอ อายุ 8 ขวบ )

“ เทวดาที่รัก ผมรักท่านมากครับ ผมทราบดีว่าท่านอยู่เคียงข้างผมตามที่คุณย่าผมสอนผม โปรดช่วยผมในการสอบในวันพรุ่งนี้ด้วยครับและโปรดให้ผมเป็นเด็กดีและให้มีความหวังดีต่อพระเยซูเจ้ามากๆด้วยนะครับ " ( เปโตร อายุ 7 ขวบ )

แล้วท่านล่ะ ท่านจะเขียนถึงเทวดาของท่านอย่างไรดี ?
 

นิทานเปรียบเทียบ

ครั้งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งที่ร่ำรวยมากเขามีที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลแต่เขาอยู่คนเดียว และเป็นคนที่เต็มไปด้วยความเศร้า ปราศจากเพื่อนฝูง ที่ดินของเขาก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตของเขา อยู่มาวันหนึ่งเขาเกิดล้มป่วยลงและคิดว่า คงต้องตายแน่ถ้าหากว่าไม่มีใครมาช่วยเขา เขาจึงได้เชิญให้คุณหมอมาดูอาการป่วยของเขา ซึ่งคุณหมอก็มาและได้ช่วยรักษาเขาจนหาย ในที่สุดทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนกัน จนถึงกับได้เชิญให้คุณหมอมาอยู่กับเขาที่บ้าน คุณหมอก็ยินดีรับคำเชิญและได้ย้ายเข้ามาอยู่กับเขาพร้อมกับครอบครัว บ้านใหญ่หลังนั้นก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น มีคนอยู่ก็มีชีวิต มีเสียงร้องและเสียงหัวเราะของพวกเด็กๆ และเศรษฐีคนนี้ก็เริ่มรักและเล่นกับพวกเด็กๆ

ชีวิตของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมากเลยทีเดียว เขาตั้งให้เพื่อน ( หมอ ) ของเขาเป็นผู้จัดการทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขา เขาเริ่มว่าจ้างคนงานมาทำงานในที่ดินของเขาและสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา มีทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล กิจการของเขาเจริญก้าวหน้าจนเขามีเงินมากมายมหาศาล พอที่จะส่งไปช่วยงานเมตตาจิตในประเทศต่างๆได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็เป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของทุกคน เวลาที่เขาตายทุกคนต่างก็คิดว่าเขาเป็นนักบุญองค์หนึ่ง นี่เป็นเพียงแต่นิทานสมมุติเท่านั้น บัดนี้ลองมาคิดดูว่าเราพอที่จะเป็นบุคคลผู้นี้ได้ไหม เมื่อเราได้รับอะไรมากมายจากพระเป็นเจ้าแล้ว … เราจะทำอะไรบ้าง ? เราอาจตกอยู่ในอันตราย อาจเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วทำไมเราจึงไม่ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเราเล่า ? คืออารักขเทวดาไงหล่ะ ? ท่านจะช่วยจัดการกับทรัพย์สมบัติทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายจิตให้เรา จะเป็นที่ปรึกษาที่ดีของเรา ท่านจะเป็นผู้ปกป้องที่ดีของเรา ดีกว่าบรรดาผู้อารักขาทั้งหลายที่ช่วยเฝ้าบุคคลที่มั่งมีและมีชื่อเสียงในโลกนี้เสียอีก จงปล่อยให้ท่านช่วยเราเถิด อย่าปฏิเสธความช่วยเหลือที่พระเจ้าประทานให้แก่เราโดยผ่านทางเทวดาเลย แล้วเราจะมีความรู้สึกที่ดีและมีความสุข จงเรียกหาท่านทุกครั้งที่เราประสบกับความยากลำบาก ดูตัวอย่างของ ซิสเตอร์มักดาลา คุณป้าของนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ นักบำเพ็ญพรตคณะกลาริส ท่านเสียชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ในศตวรรษที่ 16 เวลาที่ท่านกำลังทำนวกภาพอยู่นั้นท่านได้รับการประจญมากมายจนคิดอยากจะลาออกจากคณะ แต่ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นก็ได้เห็นเครื่องหมายอย่างหนึ่งคือ เธอเห็นพระเยซูเจ้าห้อมล้อมด้วยบรรดาเทวดา สาวพรหมจารีอยู่บนยอดเขาสูง พระองค์ทรงเชิญเธอให้ขึ้นไปและเธอก็เริ่มปีนเขาขึ้นไป แต่แม้ว่าเธอจะพยายามสักเท่าไรก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะไปถึงยอดเขานั้นได้ จึงเกิดหมดกำลังใจขึ้นมาและกำลังจะทิ้งความตั้งใจอยู่แล้ว ทันใดนั้นเธอก็เห็นอารักขเทวดาของเธอมาให้กำลังใจและเชิญให้จับแขนท่านและด้วยความช่วยเหลือของท่าน ความพยายามของเธอก็สำเร็จ แต่ขณะที่เธอกำลังจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของพระเยซูเจ้าที่กางแขนอยู่นั้นเธอก็ตกใจตื่นขึ้น ซิสเตอร์ มักดาเลนาเข้าใจทันทีว่า ความยากลำบากในการปีนขึ้นหาพระเยซูเจ้าบนภูเขานั้นเป็นสัญลักษณ์ของความยากลำบากของชีวิตนักบวช แต่ด้วยความช่วยเหลือของอารักขเทวดาเธอก็สามารถทำได้ นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอก็ได้มีความศรัทธาเป็นอย่างมากต่ออารักขเทวดาของเธอและได้ใช้เวลาหลายปีในการโมทนาพระคุณพระเยซูเจ้าที่ได้ประทานเครื่องหมายนั้นให้แก่เธอ ซึ่งทำให้เธอรับรู้การประทับอยู่และความรักของเพื่อนของเธอคืออารักขเทวดา
สนธิสัญญาแห่งความรักต่างตอบแทนกัน

เพื่อให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของเรากับอารักขเทวดาของเราจะได้แนบแน่นและสร้างสรรค์ยิ่งขึ้นนั้น เป็นการสมควรที่เราจะทำสนธิสัญญาแห่งความรักต่างตอบแทนกันคือความรัก ความสนิทสัมพันธ์และความซื่อสัตย์ต่อกัน จำเป็นที่เราจะต้องขอพระเป็นเจ้าผู้สัมพันธ์ชีวิตของเราเข้าด้วยกัน โปรดให้มิตรภาพและความรักของเราเป็นนิจนิรันดร์

เราอาจจะทำแบบนี้หรืออะไรทำนองนี้ก็ได้

ข้าแต่พระเป็นเจ้า พระตรีเอกภาพ ร่วมกับพระแม่มารี ลูกขอโมทนาพระคุณพระองค์ที่ได้โปรดให้ลูกมีเพื่อนสวรรค์อยู่เคียงข้างเพื่อนำทาง เพื่อคุ้มครองและเพื่อช่วยเหลือลูกในการทำให้น้ำพระทัยของพระสำเร็จไป โปรดช่วยให้ลูกรักท่านด้วยสิ้นสุดจิตใจราวกับเป็นพี่เป็นน้องเป็นมิตรสหายของลูกและโปรดให้ลูกได้เชื่อฟังท่านในทุกสิ่งที่ท่านดลใจลูก เพื่อท่านจะได้นำลูกไปหาพระองค์ ข้าแต่พระเยซูเจ้าโปรดรับดวงใจและวิญญาณ ชีวิตและความรักของลูกและให้ทั้งหมดนี้สัมพันธ์เข้ากับอารักขเทวดาของลูก เพื่อจะก่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันของความรักตลอดไปด้วยเถิด ข้าแต่พระจิตเจ้า โปรดให้ทั้งหมดนี้เป็นความจริงขึ้นมาให้จงได้ ด้วยพระพรของพระองค์ เพื่อเราจะได้เป็นหนึ่งเดียวกันตลอดนิรันดร ข้าแต่พระบิดาเจ้า โปรดรับสนธิสัญญานี้ไว้ในดวงพระทัยของพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีพร้อมทั้งประทานพระพรของพระองค์แก่ลูกด้วยเถิด อาแมน

และไม่เพียงแต่สามารถทำสนธิสัญญาแห่งความรักของเรากับอารักขเทวดาของเราเพื่อให้พระเป็นเจ้าอวยพรความสนิทสัมพันธ์ของเรากับท่านเท่านั้น แต่เรายังสามารถทำกับอัครเทวดามีคาแอล คาเบรียล ราฟาแอลและกับเทวดาทั้งหลายในจักรวาลด้วย เป็นต้นองค์ที่กราบนมัสการพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทตลอดเวลา และดังนี้ขณะที่พวกท่านรักและนมัสการพระเป็นเจ้าอยู่ เราซึ่งได้ถูกจารึกชื่อไว้ใน “ ดวงใจ ” ของพวกท่านแล้ว ก็จะได้รักและนมัสการพระเป็นเจ้าด้วยเช่นกัน

ให้เราลองมาฟังดูว่านักบุญมาร์การิตา มารีอา อาลาก๊อกพูดเกี่ยวกับเทวดาที่เฝ้าอยู่ต่อหน้าตู้ศีลในจดหมายถึงคุณพ่อกรัวเซ ลงวันที่ 10 สิงหาคม 1689 “ ดวงพระหฤทัยต้องการให้เรามีความสนิทสัมพันธ์พิเศษกับบรรดาเทวดาที่ได้รับหน้าที่พิเศษในการแสดงความรัก ถวายเกียรติ และสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าศีลแห่งความรัก จนทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวและสนิทสัมพันธ์กับท่าน พวกท่านจะวิงวอนต่อหน้าการประทับอยู่ของพระองค์ให้เป็นการแสดงความคารวะของเรา ไม่ว่าเพื่อรักพระองค์ เพื่อเราและเพื่อทุกคนที่ไม่ได้รักพระองค์และเพื่อเป็นการชดเชยต่อการขาดความเคารพที่เราได้ทำต่อหน้าการประทับอยู่ของพระองค์ ”

ในบันทึกความทรงจำที่ได้มอบให้โซเมสเขียน มีว่า “ ดิฉันได้เห็นเทวดาจำนวนมากมายที่พูดกับดิฉันว่าพวกท่านมีหน้าที่ถวายเกียรติแด่พระเยซูคริสตเจ้าในศีลมหาสนิทและถ้าหากว่าดิฉันต้องการที่ร่วมกับพวกท่าน พวกท่านก็จะยอมรับด้วยความเต็มใจ แต่ว่าก่อนที่จะทำเช่นนี้ได้ ดิฉันจำเป็นต้องดำเนินชีวิตของพวกท่านเสียก่อน พวกท่านจะช่วยดิฉันเท่าที่สามารถทำได้ และจะวิงวอนต่อไปสำหรับความไร้สมรรถภาพของดิฉันในการที่จะถวายเกียรติแด่พระองค์ที่พระองค์ทรงต้องการจากดิฉัน แด่องค์พระเจ้าของเราและเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน จำเป็นที่ดิฉันต้องวิงวอนสำหรับความไร้สมรรถภาพของดิฉันในการรับทรมานด้วย และดังนี้เราก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักที่อดทน ที่ยินดี ดังนั้นพวกท่านจึงได้ให้ดิฉันอ่านสนธิสัญญาของเรานี้ที่เขียนลงบนดวงพระหฤทัยของพระเยซู คริสตเจ้า ”

ท่านไม่ชอบที่อยู่ต่อหน้าพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทพร้อมกับบรรดาเทวดาจำนวนล้านๆที่นมัสการพระองค์แทนท่านดอกหรือ ? ลองคิดดูซิว่ามันหมายความว่าอย่างไร ในทุกวินาทีของแต่ละวันและแต่ละคืน บรรดาเทวดาที่เฝ้าอยู่ที่ตู้ศีลนั้นจะนมัสการพระองค์พร้อมกับท่านและเพื่อท่าน ? ทำไมท่านจึงไม่ทำสนธิสัญญาของความสนิทสัมพันธ์กับท่านจนก่อให้เกิดการเป็นหนึ่งเดียวกันกับพวกท่านเพื่อจะสามารถนมัสการพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทอย่างต่อเนื่องหล่ะ ?

ขอเสนอให้ท่านสนิทสัมพันธ์เป็นพิเศษและอย่างพิเศษสุดกับชั้นเซราฟิมซึ่งกราบนมัสการพระเป็นเจ้าต่อหน้าบัลลังก์ “ ในสวรรค์ ” และบนแผ่นดินนี้ ( ศีลมหาสนิท ) จงขอให้เทวดารับท่านเข้าอยู่ในกลุ่มของพวกท่านจนทำให้พวกท่านที่อยู่ใกล้พระเป็นเจ้าที่สุดจะได้ถวายชีวิตและกิจการที่ดีงามของท่านเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าโดยอธิบายกับพระองค์ว่า คุณก็เป็นหนึ่งในจำนวนพวกท่านในความรักและความศักดิ์สิทธิ์

เรามีนักบุญหลายองค์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ของบรรดาเซราฟิม ( เช่นนักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซี ภราดาเซราฟิม หรือนักบุญเอากุสติน เซราฟิมของประเทศสเปน ) จึงให้เราสนิทสัมพันธ์กับพวกท่านด้วยเช่นกัน

ท่านไม่ชอบที่จะมีตราประทับในวิญญาณที่บอกว่า “ เพื่อนของบรรดาเซราฟิม ” ของ “ ชั้นเซราฟิม ” ดอกหรือ
 

บทกวีถวายแด่อารักขเทวดา

ท่านเป็นใคร โอ เทวดาผู้บริสุทธิ์ ? ท่านเป็นดวงดาวที่โปร่งใส เป็นเพื่อนที่มิอาจแยกจากกันได้ ด้วยหัวใจที่ถูกสุมด้วยไฟ และเป็นความสวยงามที่ผุดผ่อง

ท่านเป็นลำแสงจากสวรรค์ เป็นประกายของพระเจ้าทรงชีวิต

ดวงดาวของความรักของพระ แสงสว่างและชีวิตของวิญญาณ

ท่านเป็นความบริสุทธิ์ ความรัก ความเล้าโลม สันติ ความชื่นชมยินดีของวิญญาณ รอยยิ้มบนริมฝีปาก ความอ่อนนุ่มในการมอง

ท่านเป็นผู้ส่งข่าวของพระเจ้า เป็นเพื่อนในการเดินทาง เป็นมัคคุเทศก์ ผู้คุ้มครองป้องกัน ผู้ปกป้องชีวิต อาแมน

ข้าแต่อารักขเทวดา เพื่อนที่แสนดี โปรดอย่าได้ทอดทิ้งเราทั้งกลางวันและกลางคืนเลย

ข้าแต่อารักขเทวดา เพื่อนที่แสนดี โปรดอย่าได้ปล่อยเราไว้คนเดียวเพราะกลัวจะหลงทาง

ข้าแต่อารักขเทวดา เพื่อนที่แสนดี โปรดพาเราไปหาพระเยซูเจ้าเพราะท่านเป็นผู้นำทางเรา

ข้าแต่อารักขเทวดา เพื่อนที่แสนดี โปรดอย่าได้ปล่อยเราไว้คนเดียวเวลาเข้าตรีทูต

ข้าแต่อารักขเทวดา เพื่อนที่แสนดี โปรดให้เราได้พักผ่อนในอ้อมกอดของพระเยซูเจ้าและของพระแม่มารี

ข้าแต่อารักขเทวดา เพื่อนที่แสนดี โปรดอย่าได้ทอดทิ้งเราทั้งกลางวันและกลางคืนเลย
 

บทส่งท้าย

ในหนังสือเล่มนี้เราพยายามที่จะทำการพิจารณาถึงความสำคัญของบรรดาเทวดาเป็นต้นอารักขเทวดาของเรา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะต้องทำตัวของเราให้เป็นผู้ปกปัองและเป็นพยานถึงการมีอยู่จริงของบรรดาเทวดาต่อหน้าพวกที่ไม่เชื่อว่ามีเทวดาที่ทำให้พวกเราเสียโอกาสที่จะได้รับพระพรอย่างมากมาย ขอวิงวอนฟ้าสวรรค์ว่าท่านจะเป็นบุคคลหนึ่งที่จะสนับสนุนความศรัทธาต่อเทวดา เพื่อว่าพวกท่านจะได้ช่วยเหลือเรามากยิ่งขึ้นอีกตามสัดส่วนของการวิงวอนด้วยความเชื่อของเรา และพวกท่านจะได้คุ้มครองเราให้พ้นจากการจู่โจมของสิ่งชั่วร้ายต่างๆ มีปีศาจหรือเทวดาที่ตกสวรรค์จำนวนล้านๆที่อยู่รอบข้างเรา เพื่อชักชวนเราให้ทำชั่ว ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนชาวสวรรค์ที่พระเป็นเจ้าประทานให้อยู่เคียงข้างเราเพื่อช่วยคุ้มครองเรา

กี่ครั้งกี่หนที่บรรดาเทวดาถูกมัดมือไว้โดยไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่เราได้เพราะว่าเราไม่ได้เรียกหาท่าน อารักขเทวดาของเราจะมีความรู้สึกอย่างไรถ้าหากว่าต้องให้ความช่วยเหลือแก่กิจกรรมที่เป็นบาปของเรา โดยที่ท่านไม่อาจทำอะไรได้แม้แต่ต่อหน้าอีกคนหนึ่ง

เทวดาเป็นเพื่อนของเรา เป็นพี่ของเราที่ให้ความช่วยเหลือและปกป้องเราและไม่เคยทอดทิ้งเราเลย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเมื่อคิดว่ามีคนจำนวนมากแม้กระทั่งคาทอลิกที่ดีด้วย ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญแก่พวกท่านและไม่ได้เรียกหาพวกท่าน

อย่างน้อยท่านก็ควรที่จะสวดบทภาวนาที่ท่านได้เรียนรู้มาตั้งแต่เด็กและขอให้เทวดาช่วยเหลือในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านกระทำในแต่ละวัน ท่านตกอยู่ในมือที่ดีแล้ว ท่านมีเพื่อนที่ทรงพลังอยู่เคียงข้างท่าน จงอย่ากลัวเลย แม้แต่นรกทั้งหมดมารวมกันก็จะไม่สามารถทำอะไรท่านได้ ถ้าหากว่าท่านวอนขอเทวดาของท่าน และขอให้เทวดาอยู่ฝ่ายท่าน ขอแสดงความยินดีกับท่านที่มีเพื่อนที่ดี ขอให้ท่านได้เดินทางไปสู่ดินแดนแห่งนิรันดรกาลอย่างมีความสุข และขอให้เราได้พบกัน ณ ที่นั้น ขอส่งคำสวัสดีจากอารักขเทวดาของข้าพเจ้าซึ่งส่องสว่างข้าพเจ้าในหนังสือเล่มนี้ และดลใจข้าพเจ้าให้เขียนบทเพลงที่เห็นอยู่นั้น

พี่น้องและเพื่อนของท่าน

คุณ พ่ออังเยล เปญา