หน้าหลักเกี่ยวกับวัดบุคลากรบริการLinks

เจาะลึก"สุรา"

สุรา
สุรา หรือ เหล้า คือของมึนเมาที่อยู่คู่อารยธรรมของมนุษยชาติมานานกว่า 5,000 ปี บ้างก็ว่าดี บ้างก็ว่าไม่ดี ทั้งๆแท้จริงแล้ว มันอยู่ที่ตัวคนกินนั่นแหละว่าจะกินเหล้า หรือ โดนเหล้ากิน

ชนิดของสุรา
เหล้า (Spirit)
-เหล้าในโลกเบี้ยวๆ บวมๆ ใบนี้มีอยู่มากชนิด หลากยี่ห้อ หลายดีกรี

-ในเมืองไทย เหล้าที่คนไทยนึกถึงเป็นอันดับหนึ่งคือเหล้า "แม่โขง" (สำหรับบางคนอาจนึกถึง "หงส์ทอง" หรือ "แสงโสม")

-ชื่อของเหล้าแม่โขงนี้ตั้งขึ้นเมื่อไทยจะไปรบกับอินโดจีนฝรั่งเศสเพื่อทวงดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงคืน

-เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เมื่อมีเหล้าแม่โขงแล้ว ทำมายจะมีเหล้า "พ่อโขง" ไม่ได้ !!!!! (เดี๋ยวนี้เลิกผลิตแล้วล่ะ เหลือแต่ภาพโฆษณาไว้เปนอนุสรณ์)

-เหล้าที่ชาวบ้านชอบกิน ถ้าไม่นับเหล้าเถื่อนแล้ว เหล้าขาวต้องนับว่าคือเหล้ายอดนิยมอันดับหนึ่ง ซึ่งเหล้านี้ดีกรีมักจะแรงกว่าเหล้าอื่นๆ ที่ขายในท้องตลาด แถมราคายังถูกอีกต่างหาก

-เหล้าขาวที่คนทั่วไปชอบกิน คือ เหล้าขาว 40 ดีกรี นิยมกันว่าแรงดีนักแล

-จอมพลปลาสลิด อดีตนายกแห่งประเทศไทย เป็นนายกฯคนเดียวที่ถึงแก่อสัญกรรมในตำแหน่ง เนื่องจาก โรคพิษสุราเรื้อรัง (ตายเท่ห์มาก)

อุ
-เหล้าอุ เป็นเหล้าที่แปลกกว่าชาวบ้าน เพราะเป็นเหล้าบรรจุอยู่ในไห (หมักไว้ในไหเลยทีเดียว) ฝาไหนั้นปิดด้วยขี้เถ้าให้สนิท

-ยามจะดื่มไม่ต้องเทออกมาจากไหหรอก แต่เขาให้หลอดดูดดูดกินจากไหเลย

-หลอดดูดที่ว่าเป็นหลอดไม้กลวงๆ หน่อย ใหญ่กว่าหลอดดูดน้ำหวานเยอะ

-จะให้ดีเหล้านี้ต้องกินกันหลายๆ คน ล้อมวงกันดูด ถึงจะได้อรรถรส

-มีจำหน่ายทั่วไปแล้วในภาคอีสานของไทย

-ปัจจุบันเหล้านี้เขาขายกันเป็นโอท็อปด้วยล่ะ

-อยากรู้ลึกกว่านี้ ก็เชิญอ่านต่อเอาเองละกัน

บรั่นดี
-ชื่อเต็มของบรั่นดีคือ บรั่นดีไวน์ (Brandy Wine)

-คือไวน์ที่ผ่านกระบวนการกลั่นแบบวิสกี้

-กลิ่นหอมหวน รสออกไปทางเปรี้ยวๆหวานๆ

-บรั่นดีชั้นดี คือบรั่นดีที่มาจากแคว้น คอนญัก (Cognag) ในฝรั่งเศส (France's OTOP) บ้านเราเรียกว่า "คอนหยัก"

-คู่แข่งตัวฉกาจของคอนญักคือ Armagnage บรั่นดีจากแคว้น อาร์มาญาค (Armagnacs) ในฝรั่งเศสเช่นกัน กลิ่มหอมนุ่มนวลชวนฝัน รสชาตละเมียดละมัย ใครได้ลิ้มลองเป็นต้องตกหลุมรัก

-ข้อเสียของบรั่นดีคือ หลังเปิดกินแล้วครั้งนึง ต้องเก็บเอาไว้ให้มันบ่นตัวเองใหม่อย่างน้อย 1 เดือน มิเช่นนั้น จะได้เหล้าที่จืดชืด ไร้กลิ่น (แต่ยังมีสีนะ)

วิสกี้
-สำหรับเหล้านอก โดยมากแล้วจะกลั่นมาจาก ข้าวสาลี (Wheat) หรือข้าวบาเลย์ (อันนี้โดยมากจะใช้ทำเบียร์ด้วยนะ)

-เบอเบิร์น (Bourbone) คือวิสกี้ประเภทหนึ่ง นิยมมากในอเมริกา มีรสหวานนิดๆ
-สก็อตวิสกี้ ต้องกลั่นในสก็อกแลนด์เท่านั้น

-ไอริชวิสกี้ ก็ต้องมาจาก ไอร์แลนด์เท่านั้น

-วิสกี้ในเมืองไทย และเหล้าปลอมที่วางขายตามแนวชายแดน กลั่นมาจากซังข้าวโพดเป็นหลัก

-อยากรู้ไหมหล่ะ Green, Gold กะ Blue Label รสชาติเป็นยังไง
-Green Lable หมักจาก มอลต์ที่ปลูกในที่ราบสูง (High LAnd) อายุในการหมัก 15 ปี มีกลิ่นหอมมากๆ หอมกว่าใครในตระกูลเลเบอร์ด้วยกัน
-Gold Label อายุในการหมัก 18 ปี รสหวานนุ่มชุ่มคอ ใครกินผสม ขอบอกหว่ะ เสียดายของ
-Blue Label อายุในการหมัก 40 ปีขี้น หวานนุ่มกว่าใครในโลกหล้า แต่ราคาแพงระยับ ขวดละ 4500 บาทเป็นอย่างน้อย (คนเขียนก็จน บังเอิญโชคดี ลูกพี่เลี้ยง)

-เหล้าซังข้าวโพด เป็นแสลงที่ใช้เรียกเหล้าวิ้สกี้กลุ่มหนึ่งที่พบมากในประเทศไทย,กัมพูชาและลาว ซึ่งมีกลิ่นฉุนอันเป็นเอกลักษณะ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพไม่ดีนะ ส่วนวัตถุดิบที่ใช้นั้น เป็นข้อมูลปกปิด

-เหล้าปลอมที่ขายกันตามแนวชายแดนนี่ ส่วนมากข้างในก็เป็นพวกเหล้าซังข้าวโพดเนี่ยแหละ

-ที่จริงแล้ว มันคือเหล้ารัมต่างหาก

-แต่ทว่า เหล้าไทยบางยี่ห้อดันใช้กากน้ำตาลหมักเป็นวัตถุดิบ จากนั้นเอามาแต่งรส ซึ่งเป็นการทำเหล้ารัมคุณภาพต่ำนั่นเอง (แต่ก็ยังเป็นเหล้ารัมอยู่ดี)

-ในประเทศหลังเขา 100 Pipers ราคาแพงกว่า Red Label นิดหน่อย

-ถ้าคุณไปอังกฤษ แล้วสั่งวิสกี้ผสมโค้ก เขาจะเชิญคุณออกจากร้าน ไม่ก็โยนวิสกี้เปล่าๆ กับโค้กหนึ่งขวดให้คุณ แล้วบอกว่า "ผสมเองละกัน"

-พวกฝรั่งมังค่าเขากินวิสกี้ผสมนมด้วยหล่ะ นุ่มนะ จะบอกให้

บลูเลเบอร์ หน้าตาเป็นแบบนี้

เหล้ารัม
-เป็นเหล้าที่กลั่นมาจากอ้อย กากอ้อย หรือน้ำตาลอ้อย

-มี2พวกคือ รัมดำและรำขาว

-สมัยก่อน พวกกรรมกร, ทหารเรือ และโจรสลัดชอบกิน

-เดี๋ยวนี้คุณภาพดีขึ้น ชนชั้นสูงที่นิยมเหล้ารัมก็เยอะ

-ในออสเตรเลีย เคยมีการก่อกบฎเกิดขึ้น และเหตุการณ์นั้นถูกเรียกว่า กบฎเหล้ารัม เพราะรัฐบาลเบี้ยวสัญญาการแจกเหล้ารัมให้กิน

-ในอเมริกา ก็เคยมีการเบี้ยวในทำนองเดียวกัน แต่ผลที่ตามมาคือสงครามประกาศอิสรภาพ

Vodka
เหล้าวอดกา หรือ เหล้าขาวอีวาน (รัสเซี่ยน) ใส ไม่มีสี แต่หนักหน่วงเร้าใจ เป็นที่นิยมมากๆในรัสเซีย นอกจากนี้ วอกก้ายังเป็นที่นิยมในการผสมเหล้าคอกเทลมากๆ เนื่องจากเข้าได้กับลีเคียวเกือบทุกชนิด

-ชาวรัสเซียชอบกินวอดก้ามาก ก่อนออกจากบ้านก็ ตบก่อน 1 ช็อต ออกไปนอกบ้าน เจอร้านข้างทางก็อีก 1 ถ้าเจออีก ก็เอาอีก พอถึงบ้าน ก็ปิดท้ายอีกรอบ (กว่าจะถึงบ้านล่อไปเกือบ 20 เมาพอดี)

-บอริส เยลซิน อดีตประทานสมาคมกร็อฟแห่งรัสเซียผู้ล่วงลับ ชอบกินวอดก้ามาก บางครั้ง พี่แกก็ไม่ออกไปต้อนรับผู้นำประเทศบางประเทศที่มาเยือนรัสเซีย เนื่องจาก เมาวอดก้า ลุกไปไม่ไหว (ซ่ะงั้น)

เชี่ยงชุน
เชี่ยงชุน เป็นเหล้าขาวที่ได้รับความนิยมกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ มีกลิ่นอันรุนแรงยวนใจได้ เป็นที่นิยมในหมู่นิสิตของมหาวิทยาลัยสุราลงกลอน และบุคคลทั่วไป เพราะเป็นเหล้าขาวที่มีกลิ่นหอมมาก และรสกลมกล่อม

โซจู
โซจู ก็คือเซี่ยงชุนเกาหลี แต่อ่อนกว่าเยอะ แค่ราวๆ 20-45 ดีกรีเอง กลิ่นไม่จัด แต่รสชาตห่วยแตกถ้าดื่มในขณะที่มันยังเย็น แต่ก็นั่นแหละ คนเกาหลีเขาชอบดื่มกับเบียร์ โดยเอาเบียร์กับโซจูมาผสมกันแล้วดื่ม

อย่างไรก็ตาม โซจูที่รสชาติไม่เลวก็ยังมีอยู่ คือโซจูยี่ห้อ Jinro กลิ่นหอมจางๆ รสหวานนิดๆที่ปลายลิ้นหลังกลืน (ชิมที่อุณหภูมิห้อง)การดื่มที่อุณหภูมิสูงนั้น ไม่ได้ทดลอง เนื่องจากไม่ปรากฏว่าชาวเกาหลีดื่มโซจูที่อุณหภูมิสูง

ที่มาของโซจูนั้น เกิดจากการที่เกาหลีถูกพวกมองโกลรุกราน และชาวมองโกลเองก็เอาเทคนิกการกลั่นสุราจากชาวเปอร์เซียมาเผยแพร่ต่อชาวเกาหลี

ที่ญี่ปุ่นก็มีโซจูเหมือนกัน ส่วนใหญ่ทำจากสาเกกลั่น ก็ครือเหล้าขาวนั่นแล ประวัติโซจูญี่ปุ่นซามูไรญี่ปุ่นจะใช้เป็นแอลกอฮอล์ล้างแผล แต่ยามอดอยากปากเปรี้ยวก็ซัดแอลกอฮอล์ล้างแผลแทนสาเก ดังนั้นโซจูญี่ปุ่นจึงมีรสชาดทุเรศทุรังต่างจากโซจูของเกาหลี

แอลกอฮอล์ล้างแผลในปัจจุบันมีทั้งส่วนผสมของเมธานอลและโพรพานอล ใช้กรึ๊บแทนโซจูไม่ได้เด็ดขาด

สาเกย์
สาเกย์ ก็คือเหล้าขาวญี่ปุ่น มีหลายชนิด ส่วนใหญ่ต้องอุ่นให้สาเกอุ่นก่อนแล้วจึงดื่มถึงจะได้รสชาตที่หอมอร่อย ถ้ากินตอนเย็นๆจะได้รสชาติเฝื่อนๆ กลิ่นแย่ แต่สาเกเย็นก็มีเหมือนกัน

สาเกแปลได้สองอย่าง ภาษาญี่ปุ่นหมายถึงเหล้าโดยทั่วไป จะเป็นบรั่นดี วิสกี้ วอดก้า อะไรก็สาเกทั้งนั้น แต่ถ้าภาษาต่างชาติ มักจะใช้คำนี้เรียกเหล้าญี่ปุ่น (ที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Nihonshu) ซึ่งเป็นเหล้าที่มาจากการหมักข้าว ที่เค้าชอบกระดกกินกันอุ่น ๆ

ส่วนโชชูนั้นทำจากการกลั่น แล้ววัตถุดิบก็หลากหลายกว่า รสชาติและกลิ่นก็จะแปลก ๆ หน่อย ที่เห็นคนกินบ่อย ๆ ก็ทำมาจากมันเทศ

เบียร์ (Beer)
เดินเข้าเซเว่น มองหาขวดสีชา รึสีเขียว นั่นแหละ เบียร์
-ทำจากข้าวบาเลย์เป็นส่วนใหญ่

-ไปเมืองนอก อย่าแปลกใจถ้าเขาไม่เสริฟน้ำแข็งคู่กับเบียร์ บ้านเขาหนาวพออยู่แล้ว ไม่จำเป็น

-กินเบียร์ให้อร่อย อุณหภูมิของเบียร์ควรจะต่ำกว่า 3 องศาเซลเซียล แต่อย่าให้แข็ง เพราะจะอดกิน

-เบียร์จะรสชาตแย่ กลิ่นแย่ ถ้าอุณหภูมิเกิน 7 องศาเซลเซียส แต่ถ้าคุณชอบเบียร์อุ่นก็ ไม่ว่ากัน

-เบียร์ที่กลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว หลังละลายจะไม่อร่อย เนื่องจาก ก๊าซในเบียร์ได้หายไปหมดแล้ว

-เบียร์วุ้นคือเบียร์ที่กลายเป็นน้ำแข็งอย่างฉับพลัน ทำให้เม็ดน้ำแข็งนั้น ละเอียดมากๆ เหมือนสเลอบี้

-อย่าริอาจเอาเบียร์วุ้นไปขายฝรั่ง เพราะฝรั่งมันไม่กิน

-ถ้ากินเบียร์ไทย นึกถึงเบียร์สิงห์/เบียร์ช้าง/เบียร์ลีโอ กินเบียร์จีนนึกถึงเบียร์ชิงเต่า กินเบียร์ญี่ปุ่นนึกถึงเบียร์คิริน

-แต่ถ้ากิน "เบียร์ลาว" คนไทยกลับนึกถึงชื่อเบียร์นี้ว่า "เขยลาว" !!!!!

-ทั้งนี้ มีคำพูดตลกๆ อย่างหนึ่งของพี่ไทยกล่าวว่า "อยากเป็นเขยลาว ต้องกินเบยลาว"

-ที่จริงเบียร์ลาวเขาก็ชื่อว่า "เบียร์ลาว" นั่นแหละ แต่เขาเขียนว่า "เบยลาว" ตามอักขรวิธีของเขา แล้วเผอิญหัวอักษร "บ" ของลาวดันโค้งเล็กน้อยซะด้วย

-ฉะนั้น พี่ไทยหลายคนจึงนึกว่าอักษร "บ" ลาว เป็นอักษร "ข" ไปซะฉิบ

-นาย จอน โฮเวิร์ด อดีตนายกสมาคมกร็อฟแห่งออสเตรเลีย เคยเป็นแชมป์กินเบียร์ 12 ปีซ้อน (เทพมากๆ)

นายจอน โฮเวิร์ด ต้อนรับนาย หูจินเทา ที่สนามบินซิดนีย์ ดูหน้าพี่จอนซ่ะก่อน แล้วคุณคงพอเดาออกว่าพี่แกไปทำอะไรมาก่อน

เบยลาวหรือเขยลาว ก็ดูเอาเองเหอะเพ่ !!!

ไวน์

เหล้าหมักจากองุ่น หรือผลไม้อื่นๆ มี 4 ชนิดใหญ่ๆ
1 ไวน์แดง2 ไวน์ขาว
3 ไวน์ชมพู (ไวน์แดง ผสม ไวน์ขาว)
4 ไวน์ ฟอสติฟาย (Fortified Wine) ทำจากผลไม้ เช่น มูสแคส มีรสหวานมาก บางครั้งก็ถูกเรียกว่า "ไวน์ของหวาน (Dessert Wine)

เกร็ดเล็กๆเกี่ยวกับไวน์
-คำว่าไวน์ ภาษาฝรั่งเศสเขาเขียนว่า vin อ่านว่า แว็ง

-ไวน์แดง เรียกว่า vin rouge (แว็ง รูจ)

-ไวน์ขาว เรียกว่า vin blanc (แว็ง บล็อง)

-ไวน์ชมพู เรียกว่า vin rose (แว็ง โรเซ่ - ตัว e มันมี accent (อั๊กซองต์) กำกับนะครับ)

-ไวน์ที่เหมาะกับอาหารไทยคือ Viognier (อ่านว่า โว-ยิ-โอน)

-โดยทั่วไป อาหารเอเชีย เหมาะกับ ไวน์ขาว

-ไวน์ขาว เขากินตอนมันเย็นๆ

-ไวน์แดงกินที่อุณหภูมิห้อง อย่าริเอาไปแช่เย็นหล่ะ

-Chateau (อ่านว่า ชา-โต้ว์) เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า คฤหาสน์ (หรือปราสาทก็ได้) ดังนั้น Chateau de Chalawan (ชาโต้ว์ เดอ ชาละวัน) ของเสธ.หนั่น แปลว่า คฤหาสน์แห่ง(หรือ ของ)ชาละวัน

-ถ้าคุณเจอไวน์ที่มี ชื่อพันธุ์องุ่นเหมือนกัน 2 ชื่อ แต่สลับตำแหน่งกัน เช่น Shiraz Carbernet กับ Carbernet Shiraz อย่าตกใจ เพราะความหมายของทั้ง 2 ตัวต่างกันนิดหน่อยโดย Shiraz Carbernet คือไวน์ที่เกิดจากการผสมกันของ Shiraz กับ Carbernet แต่ อัตราส่วนของ Shiraz มากกว่า Carbernet แต่ถ้า Cabernet ขึ้นก่อนก็แปลว่า อัตราส่วนของ Cabernet มากกว่า หรือสรุปเอาง่ายๆว่า อันไหนขึ้นก่อน ก็แปลว่าถูกผสมมากที่สุดในขวดนั้น

-หนึ่งในขั้นตอนของการผลิตไวน์คือ การ ย่ำไวน์ ซึ่งก็คือการคันนั่นแหละ โดยเขาจะเอาองุ่นใส่ถังแล้วให้คนขึ้นไปย่ำให้น้ำไวน์ออกมา ซึ่งเคล็ดลับก็คือ ยิ่งคนย่ำตีนเน่าขนาดไหน ไวน์ก็ยิ่งอร่อยขึ้นเท่านั้น (โกหก)

-ศัตรูตัวฉกาจของไวน์คือ อุณหภูมิที่สูงกว่า 25 C และ ออกซิเจน แต่สำหรับไวน์แดงนั้น จะมีแสงแดดเพิ่มเข้ามาด้วยจ๊ะ

แก้วไวน์
แก้วไวน์เองก็สำคัญนะ เลือกแก้วผิดกับคุณลักษณะของไวน์ก็ทำให้ได้รสชาตของมันไม่เต็มที่เหมือนกัน
-แก้วไวน์แดงทรงสูง เหมาะกับไวน์แดงที่มีกลิ่นหอม เช่น Merlot (อ่านว่า แมร์โลต์)

-แก้วไวน์แดงทรงป้อม เหมาะกับไวน์ที่มีแทนนินสูง เช่น Cabernet Sauvinon (อ่านว่า กาแบร์เนต์ซูวินญอง)

ลีเคียว
ลีเคียวคือเหล้าหวานของฝรั่ง มีเยอะมากมายจนปวดหัว

สุรานารี
หาเรียบสุราเป็นผู้หญิงแล้วไซร้
-วิสกี้ เธอคือหญิงผู้อ่อนไหว แปรเปลี่ยนไปตามสภาวะที่เธอเป็น ถ้าคุณระมัดระวัง ละเอียดอ่อนกับเธอ เธอก็จะดีกับคุณ แต่ถ้าคุณปฏิบัติแบบส่งเดชกับเธอ เธอก็จะไม่แยแสคุณ

-บรั่นดี เธอคือหญิงผู้รักนวลสงวนตัว หยิ่งทรนง เธอไม่ต้องการให้คุณมาปรุงแต่งอะไรให้เธอ ขอเพียงคุณใจเย็น อดทนรอเวลาที่เธอพร้อม ไม่มือไวใจเร็ว ไม่ฉกฉวยโอกาศหาเศษหาเลยกับเธอ เธอก็จะแสดงความรัก ความอ่อนโยนกับคุณ จนคุณอดภูมิใจมิได้ว่า คุณคือยอดดวงใจของยอดหญิงแห่งแผ่นดิน แต่หากคุณหักหาญน้ำใจ บีบบังคับเธอ ถึงคุณจะได้กายของเธอ ก็อย่าหวังเลยว่าเธอจะมอบใจให้กับคุณ

-กลุ่มวอดก้า และอนุพันธ์ของวอดก้า หญิงสาวผู้จัดจ้านประหนึ่งม้าพยศก็มิปาน เธอนั้นร้อนแรงซาบซ่า แต่ก็พร้อมจะน็อคคุณในทุกเวลาที่คุณเผลอไผล แต่ถ้าคุณปฎิบัติกับเธอดีๆให้เธอถูกใจ เธอก็พร้อมที่จะอ่อนหวานกับคุณ

ผู้บริโภคสุราเป็นหลัก
-วิศวกร

-ทหาร (เพลงๆ หนึ่ง กล่าวถึงดีกรีความเมาไว้ว่า "ทัพบกทัพเรือครึ่งขวด ตำรวจแก้วนึงก็ถลา สาเหตุที่ลูกทัพฟ้า เมาช้าเพราะโซดาไม่ค่อยเย็น.....")

-ตำรวจ (มีคำกล่าวไว้ว่า เป็นเมียทหารนับขวด เป็นเมียตำรวจนับทั้งขวดนับทั้งตังค์)

-อ๊าตติ๊ส (สมัยก่อนจะเป็นอ๊าตติ๊ส จะดื่มหนัก แต่หลังจากเป็นอ๊าตติ๊สแล้วจะดื่มเพื่อเข้าสังคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าสังคมชั้นไหนด้วย)

-กรรมกร (จน ! เครียด ! กินเหล้า !)

-นักเขียน (ว่ากันว่านักเขียนบางคนเมาแล้วจะมีอารมณ์สุนทรีย์ ยิ่งนักเขียนการ์ตูนจะนึกมุกออก ไม่รู้จริงหรือเปล่า)

ลักษณะของผู้ดื่มสุรา


กฏ กติกา มารยาท และเกร็ดน่ารู้ในวงเหล้า
-เป็นผู้น้อย ห้ามเอาก้นแก้ว/ขวดชนกับปากแก้ว/ขวดของผู้ใหญ่
-ถ้าอาวุโสเท่าเทียมกัน ให้เอาข้างแก้วชนกัน
-ห้ามชนแก้วแรง (แตกคามือไม่รู้นา)
-ห้ามหงายมือรินเบียร์ (เพราะเอาไว้ใช้กับคนตาย)
-ห้ามกินแต่กับ เหลือให้คนอื่นมั่ง
-ห้ามกินเหล้าขณะขับรถ (เพราะมันจะหก)
-กินเสร็จแล้วพอตื่นมาถ้าจำอะไรไม่ได้ และกลัวว่าจะโดนคนอื่นอำให้ทำเนียนไม่ต้องพูดอะไร หรือไม่ก็อำตัวเองก่อนที่จะโดนอำ
-กินเสร็จแล้วห้ามชักดาบ
-ห้ามปากดี
-ถ้ากินกับคนเกาหลีที่อาวุโสสูงกว่า ให้รินเหล้าด้วยมือขวา ขณะรินต้องใช้มือซ้ายรองศอกข้างขวาด้วย
-การกินเบียร์กับคนญี่ปุ่นนั้น เป็นเรื่องปกติถ้าเขาจะแย่งกันรินเบียร์ แต่ว่า ถ้าเป็นกลุ่มคนทำงาน ลูกน้องจะต้องรินเบียร์ให้เจ้านาย
-ในกรณีที่เป็นแฟนกัน ตามทำเนียมญี่ปุ่น ผู้หญิงต้องรินเบียร์ให้ผู้ชาย
-เวลาผู้ชายญี่ปุ่นรินเบียร์ให้ผู้ชายอีกคน คนรินต้องแหกปากว่า "มาๆๆๆ"ส่วนอีกฝ่ายให้แหกปากรับว่า"โอ๊ะ โตะๆๆ"
-แต่ในกรณีที่แฟนสาวชาวญี่ปุ่นรินเบียร์ให้นั้น ไม่ต้องร้องแหกปาก แต่ให้ผู้ชายทำหน้าถมึงทึงจ้องมองแก้วว่าผู้หญิงจะรินหกหรือไม่ เมื่อเสร็จแล้วให้ทำหน้าหยิ่งเชิดใส่ อย่าตกใจ เพราะนี่คือวิถี ซามูรวย
-สำหรับคนไทย เวลามีคนรินเบียร์ให้ ให้เราเอามือจับแก้วไว้ก็พอ ไม่จำเป็นต้องยกแก้วเพราะจะรินได้ง่ายกว่า การยกแก้วนั้นคือกรณีที่ผู้รินให้อยู่ไกลจากเรา แต่กรณีนั้น รับมารินเองดีกว่ามั้ง
-แต่สำหรับคนญี่ปุ่น ถ้ามีคนรินเบียร์ให้เรา ให้ยกแก้วขึ้นจากโต๊ะ
-กินเหล้ากับฝรั่ง ห้ามคว่ำแก้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในถิ่นของฝรั่งเอง เพราะการทำเช่นนั้น หมายความว่า คุณท้าต่อยกับทุกคนในร้านนั้น
-ถ้าไปกินเหล้าในเมืองฝรั่ง การวางแก้วในแนวนอนแปลว่าคุณไม่ดื่มต่ออีกแล้ว ดื่มต่อไม่ไหวแล้ว
-คนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ชอบกินเบียร์ผสมเหล้า

คำว่าชนแก้วในภาษาต่างๆ
-อังกฤษ - เชียส์
-ฝรั่งเศส - ซองเต้
-เยอรมัน - โพช Prost!
-จีน - กัมเบย
-เกาหลี - คอมเบย
-ญี่ปุ่น - คัมปาย
-มองโกล - โตเล่ย
-อินเดีย(ฮินดี) - แบนจูด (จริงๆแล้ว แปลว่า เย็1แม่นะจ๊ะ)
-สปป.ลาว - ตำจอก

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุรา
-คำว่า ดีกรี หมายถึงว่า อัตราส่วนความเข้มข้นของ เอททิลแอลกอฮอลต่อปริมาณเหล้าทั้งหมด โดยปริมาณ ตัวอย่างเช่น เซี่ยงชุน 40 ดีกรี คือ ในเซี่ยงชุน 100 มิลลิลิตรนั้น จะมี เอททิลแอลกอฮอล เป็นส่วนประกอบอยู่ 40 มิลลิลิตร

-นอกจากนี้ ยังมีหน่วย พรูฟ(proof)ซึ่งโดยประมาณแล้ว 2 พรูฟ เท่ากับ 1 ดีกรี แต่รู้ๆเอาไว้เถอะ บ้านเราไม่ค่อยเจอหรอก จะไปเจอบ้างในพวกเหล้ารัม

-แอลกอฮอล เป็นสารเคมีในกลุ่ม ไฮโดรคาร์บอน ซึ่งมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับจำนวนคาร์บอนใน1องค์ประกอบ (จำไม่ได้แล้วว่าเรียกว่ายังไง ทิ้งเคมีไปนานแล้ว) แต่ที่แน่ๆ มีเพียงเอททิลแอลกอฮอล์เท่านั้นที่กินได้ ในแอลกอฮอลล้างแผลนั้นเป็น เมททิลแอลกอฮอล์ กินไม่ได้นะจ๊ะ

-เอททิลแอลกอฮอล์ มีอีกชื่อหนึ่งว่า เอททานอล เมื่อเอาเอทานอล 1 ส่วนไปผสมกับน้ำมันเบนซิน (แกสโซลีน)9 ส่วน ก็จะได้ แกสโซฮอล์

-การกินเหล้านั้น พอจะช่วยแก้หนาวได้ โดยฤทธิ์ของสุรา จะทำให้เลือดลมสูบฉีดแรงขึ้น อีกทั้งในสุรานั้น มีสารให้พลังงานอยู่ เลยทำให้เกิดการเผาผลาญของพลังงาน และการหมุนเวียนความร้อนมากกว่าปกติ ทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น

-ในภาษาจีน คำว่า ไวน์ หมายถึงเครื่องดื่มมึนเมาทุกชนิด

-ในเมืองจีน มีเบียร์มากกว่า 100 ยี่ห้อ

-ที่ออสเตรเลีย ราคาของไวน์เริ่มต้นที่ขวดละ 6 ออสเตรเลียนดอลลาร์ (180 บาท)

-ที่ฝรั่งเศส ราคาไวน์เริ่มต้นที่ขวดละ 3 ยูโร

-ที่เยอรมัน เด็กอายุมากกว่า 12 สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้

-ออสเตรเลียภูมิใจที่ผลสำรวจออกมาว่าประเทศตัวเองกินเหล้าหนัก

-นายก จอห์น โฮเวิร์ด ของออสเตรเลีย เคยเป็นแชมป์กระดกเบียร์ 12 ปีซ้อน

-คนฝรั่งเศส กินไวน์เฉลี่ยแล้ว ปีละ 59 ลิตรต่อคน
-ประเทศไทยพยายามห้ามไม่ให้คนกินเหล้าด้วยการเซนเซอร์ และ อื่นๆ แต่ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เปลืองภาษีเปล่าๆน่า ดูออสซี่ เยอรมัน กะ ฝรั่งเศส ดิ๊ ขี้เมาขนาดนั้นยังรวยได้เลย ทำไมประเทศเราจะรวยมั่งไม่ได้

-มีประเทศๆหนึ่งในยุโรปตะวันออก ตั้งโทษของการเมาแล้วขับไว้ว่า ยิงทิ้งได้เลย