เลขหนึ่ง (One) เป็นสัญลักษณ์ของเอกภาพ
เลขสอง (Two) แสดงถึงคุณลักษณะสองประการในองค์พระคริสต์ คือความเป็นมนุษย์และความเป็นพระเจ้า
เลขสาม (Three)
เป็นตัวเลขที่พิธากอรัสเรียกว่า ตัวเลขที่สมบูรณ์แบบ เพราะประกอบด้วยจุดเริ่มต้น จุดกลึ่งกลาง และจุดจบ ในคริสตศาสนาตัวเลขนี้กลายเป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ หมายถึงพระตรีเอกานุภาพ อันประกอบด้วย พระบิดา พระบุตร และพระจิต และระยะเวลาสามวันที่พระคริสต์ทรงอยู่ในอุโมงค์เก็บพระศพ
เลขส ี่ (Four) โดยทั่วไปเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญผู้บันทึกพระคริสตประวัติ (Evangelist) ทั้งสี่ท่าน
เลขห้า (Five) เป็นสัญลักษณ์ของบาดแผลห้าแห่งซึ่งพระคริสต์ทรงได้รับจากการตรึงกางเขน
เลขหก
(Six) เนื่องจากพระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างโลกและสรรพสิ่งทั้งมวลเสร็จสิ้นในหกวัน เลขหกจึงเป็นตัวเลขแห่งการสร้างสรรค์และความเสร็จสมบูรณ์เป็นสัญลักษณ์ของมหิทธานุภา พ ความศักดิ์สิทธิ์ พระปัญญา ความรัก
ความเมตตา และความยุติธรรมของพระผู้เป็นเจ้า
เลขเจ็ด (Seven) เป็นตัวเลขที่แสดงถึงความเมตตากรุณาและพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
นักเขียน ในยุคแรกใช้เลขเจ็ดเป็นตัวเลขแห่งการสร้างสรรค์และความเสร็จสมบูรณ์เช่นเดีย วกับเลขหก ดังจะเห็นได้จากข้อความในพระคริสตธรรมคัมภีร์หลายตอน อาทิ เมื่อตอนที่เพื่อนของโจบ (Job)26 มาปลอบโยนโจบพวกเขา นั่งอยู่กับโจบเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน (โจบ 2 : 13) นอกจากนี้ในพระ คริสตธรรมคัมภีร์ ยังกล่าวถึงจาคอบ (Jacob) ว่าแสดงการยอมตนอยู่ใต้พวกพี่ชายด้วยการโค้งคำนับเจ็ดครั้ง กล่าวถึงของขวัญที่จะได้รับจากพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เจ็ดเท่า บาปหรือความชั่วเจ็ดประการ และความสุขกับความทุกข์เจ็ดประการของพระนางมารีย์
7 อัศจรรย์ เรื่องความอัศจรรย์ของเลข 7 จากพระคัมภีร์ Bible
พระคัมภีร์ได้พิสูจน์ถึงปรีชาญาณที่ซ่อนอยู่หลายต่อหลายครั้ง
และอีกสิ่งที่น่าทึ่งคือเรื่องของตัวเลขในพระคัมภีร์ กับรูปแบบทางคณิตศาสตร์ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ทันสมัยใดจะมาเทียบได้ และแน่นอนยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่สำหรับลำพังมนุษย์ธรรมดาจะทำการคำนวณที่ซับซ้อนขนาดนั้นได้ในยุคร่วม 2-3 พันปีมาแล้ว เลข 7 เป็นตัวเลขหนึ่งที่ปรากฏหลายต่อหลายครั้งในพระคัมภีร์ ดังที่เราจะได้เห็นบทบาทของ 7 จาก
7 วันในการสร้างโลก 7 วันก่อนสะปาโต 7 วันสำหรับโนอาห์ในการรวบรวมฝูงสัตว์ 7 คนที่อยู่กับโนอาห์ 7 ปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ และ 7 ปีแห่งความแห้งแล้ง 7 พระสงฆ์ และแตรทั้ง 7
ล้อมรอบกำแพงแห่งเยริโคห์ เป็นเวลา 7 วัน และในวันที่ 7 เมือง เยริโคห์ก็ตกอยู่ในมือของอิสราเอล 7 วันสำหรับการชำระล้างผู้ไม่บริสุทธิ์ 7 เครื่องบูชาในพิธีกรรม
7 วันที่เพื่อนของโยบอยู่กับเขา 7 ปีในการสร้างพระวิหาร 7 เทศกาลในเลวีนิติ 77 ชั่วอายุคน จาก อดัม สู่พระเยซู 7 ชั่วโมงของการตรึงกางเขนของพระเยซู 7 อีกมากมายในบทวิวรณ์
ถ้าพูดให้ถูกเราสามารถนับ 7 อื่นๆที่ลงตัวได้อีกนับไม่ถ้วนในพระคัมภีร์ เลข 7 ในฐานะตัวเลขแสดงถึงสุดท้าย ท้ายสุด เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ตัวอย่างแนวคิดนี้ได้แก่ 7 วันสำหรับการสร้าง โลก และ
วันที่ 7 ที่เป็นวันสะปาโต ตัวเลขอื่นๆในพระคัมภีร์แต่ละตัวมีความหมายและสื่อความหมายต่างกันออกไป
ตัวอย่างเช่น เลข 3 สื่อถึง พระตรีเอกภาพ เลข 4 สื่อถึง 4 มุมพิภพ ความหมายของมนุษย์ และอื่นๆ ดังนั้นถ้าหมายเลข 7 สื่อถึงความสุดท้ายเสร็จสิ้น หมายเลข 6 ย่อม เป็นเครื่องหมายของปีศาจ (mark of the beast ) แม้จะมีเลขอื่นๆที่มีความหมายและความสำคัญต่างกันออกไป แต่เนื้อหาในพระคัมภีร์เน้นย้ำและให้ความสำคัญกับเลข 7 มากที่สุด อย่างในบทวิวรณ์ที่มีการกล่าวถึงเลข 7 หลายต่อหลายครั้ง เช่น ตะเกียงทั้ง 7 เชิงตะเกียงทองทั้ง 7 ดวงดาวทั้ง 7 วิญญาณทั้ง 7 ของพระเจ้า คริสตจักรทั้ง 7 ตราทั้ง 7 แตรทั้ง 7 และภัยพิบัติทั้ง 7 และเลข 7 ทั้งหมดนี้แสดงถึงสุดท้ายเสร็จสิ้น
เลข 7
ยังมีอะไรให้เราทึ่งมากกว่านี้อีก หากเราลองสังเกตเลข 7 ทั้งหลายที่ซ่อนอยู่ในพระคัมภีร์ดีๆ ตัวอย่างเช่นจากบทปฐมกาลกับบทที่คุ้นเคยเราเป็นอย่างดีว่า ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน ซึ่งบทนี้ถ้าเทียบกับต้นฉบับที่เป็นภาษาฮีบรู บทนี้จะจัดออกมาได้ 7 บทพอดี และนับเป็นภาษาฮีบรูได้ 7 คำพอดีอีก จำนวนตัวอักษรจากคำ 7 คำ นับได้ 28 หรือ 4 เท่าของ 7 คำ โดยที่ 3 คำแรกมีตัวอักษร 14 ตัว หรือ 2 เท่าของ 7 ส่วนคำสุดท้ายประกอบด้วย ฟ้า กับ แผ่นดิน ทั้งคู่มีตัวอักษร 7 ตัว ที่น่าสนใจคือโอกาสที่ทั้งหมดจะลงตัวพอดีแบบนี้ เรียกได้ว่าเป็นโอกาส 1 ในล้านทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นอัศจรรย์ของตัวเลขทางคณิตศาสตร์ก็ว่าได้ แม้แต่ 11 บทแรกของนักบุญมัทธิวก็มีรูปแบบ 7 แบบนี้เช่นกัน
การจะคิดว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยเหตุบังเอิญเป็นเรื่องตลกมากๆ จาก 11บท มีคำ 49 คำ จำนวนตัวอักษรคือ 266 หรือ 38 เท่าของ 7 จาก 266 ตัวอักษร 140 เป็นสระ หรือ 20 เท่าของ 7
และอีก 126 เป็นพยัญชนะ หรือ 18 เท่าของ 7 ส่วนคำ 49 คำ ก็เท่ากับ 7 เท่าของ 7 คำไม่ว่าเป็นคำนามอะไรก็มีรูปแบบ 7 อีกเช่นกัน ซึ่งถ้าเราสังเกตดีๆรูปแบบนี้เป็นไปเหมือนกันหมด ในบทอื่นๆทั้ง 11 บท ไม่มีทางที่มนุษย์จะสามารถคำนวณทั้งหมดนี้ออกมาได้ และยังสื่อความหมายออกมาได้ชัดเจน คิดได้อย่างเดียวว่าพระเป็นเจ้าเป็นผู้ทรงเขียนผ่านทางประกาศกต่างๆ ไม่ว่าจะบทปฐมกาลก็ดี บทของนักบุญมัทธิวทั้งสองบทที่ได้กล่าวไปแล้วก็ดีอยู่ในหนังสือเล่มเดียวกัน อันหนึ่งในภาษาฮีบรู อีกอันหนึ่งในภาษากรีก โอกาสที่ทั้งสองภาษาจะตรง 7 พอดีนั้นต่ำจนไม่สามารถคิดได้เลย หรือถ้าคำนวณโอกาสความน่าจะเป็นจริงๆจะได้ 1 ใน 678,000,000,000 ( 1 ใน 678 พันล้าน )ซึ่งคงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้
นอกจากนี้ในบทอื่นๆในพระคัมภีร์ยังมีอีกหลายบทที่สามารถใช้สูตร 7 นี้ได้ ทั้งพันธสัญญาเดิม และ พันธสัญญาใหม่ คุณก็สามารถไปลองดูได้
แต่พระคัมภีร์นั้นต้องเป็นฉบับภาษาเดิมที่เป็นต้นฉบับเท่านั้น ตัวอย่างเช่นหนังสือ Apocrypha ( เป็นพระคัมภีร์นอกระบบเล่มหนึ่ง ) ก็ไม่พบสูตร 7 ในบทต่างๆเลยทำให้เรารู้ได้ว่าเนื้อหาส่วนนี้ไม่ได้มาจากต้นฉบับพระคัมภีร์เดิมจริง
ผู้เขียนพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้าอีกทีหนึ่ง เพราะต้องใช้คอมพิวเตอร์เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกปัจจุบันในการคำนวณ 7 ให้ลงตัว และ ครบทั้งหมดในทุกบท โดยสื่อความหมายได้ครบถ้วนด้วย
เป็นสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อแต่ละบทของพระคัมภีร์เขียนห่างกันเป็นร้อยปี อย่างบทปฐมกาลในภาษาฮีบรู กับบทของนักบุญมัทธิวในภาษากรีกก็ห่างกันร่วม 600-700 ปี
ถ้าใครบางคนเชื่อว่าพระคัมภีร์ถูกเขียนขึ้นในยุคกลาง หรือในศตวรรษที่ 2-3 คนที่เขียนแบบนี้ได้ต้องมีความอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ การคำนวณ การใช้ภาษาเกินมนุษย์
หรืออีกนัยหนึ่งไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำสิ่งนี้ได้นอกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้อยู่เหนือกว่ามนุษย์ พระองค์กำหนดระบบทั้งหมด และแม้จะห่างกันเป็นศตวรรษ ระบบ 7
ของพระองค์ก็สมบูรณ์แบบและต่อเนื่องกันจนจบพระคัมภีร์ทั้งหมดทั้งเล่ม
เลขแปด (Eight)
เป็นตัวเลขแห่งการฟื้นคืนพระชนม์เพราะพระคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่แปดหลังจาก เสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเลม ด้วยเหตุนี้อ่างน้ำมนต์ที่ใช้ในพิธีแบพติสม์จึงมักทำเป็นรูปแปดเหลี่ยม
เลขเก้า (Nine) เป็นตัวเลขของพวกเทวทูต เพราะในพระคริสตธรรมคัมภีร์กล่าวไว้ว่า กลุ่ม เทวทูตที่ร้องเพลงประสานเสียงมีทั้งหมดเก้าองค์
เลขสิบ (Ten)
เป็นจำนวนของพระบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้กับโมเสส พระบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นที่รู้จักกันในนามของพระบัญญัติสิบประการ (Ten Commandments)
เลขสิบสอง (Twelve) เป็นจำนวนของอัครทูตผู้เผยแผ่พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าในยุคแรก (Apostles)
จึงเป็นตัวเลขที่นิยมใช้กันในสัญลักษณ์ศาสนาคริสต์ บางครั้งเลขสิบสองใช้เป็นสัญลักษณ์ของคริสจักรทั้งหมด
เลขสิบสาม
(Thirteen) เป็นตัวเลขที่แสดงถึงความไม่มีศรัทธาและการทรยศโดยมีที่มาจากตอนที่พระคริสต์ทรงเสวย พระกระยาหารมื้อสุดท้าย มีผู้เข้าร่วมโต๊ะเสวยทั้งหมด 13 ท่าน
คือ องค์พระคริสต์ และสาวกอีก 12 ท่าน รวมทั้งจูดาส์ผู้ตกลงใจทรยศต่อพระเยซู
เลขสี่สิบ (Forty)
เป็นสัญลักษณ์ของระยะเวลาที่ชนชาติอิสราเอลถูกลงทัณฑ์ โดยต้องเร่ร่อนไปตามแถบถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปี และต้องตกเป็นทาสของพวกฟิลิสตินส์เป็นระยะเวลาเท่ากัน โมเสสอยู่บนเขาซีนายเป็นเวลา 40 วัน ฝนที่ตกลงมาคราวน้ำท่วมโลกตกอยู่เป็นเวลา 40 วัน 40 คืน หลังจากพระคริสต์ทรงรับศีลแบพติสม์จากนักบุญจอห์นแล้ว ก็ได้ประทับอยู่ในถิ่นทุรกันดา ร 40 วัน ในช่วงเวลานี้พญามารพยายามชักชวนให้ทรงละทิ้งพระผู้เป็นเจ้า ฤดูถือบวชซึ่งมีระยะเวลา 40 วันในแต่ละปีจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ บางครั้งเลขสี่สิบจึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพแห่งศาสนจักรผู้ต่อสู้กับความชั่วร้าย
เลขหนึ่งร้อย (One Hundred) เป็นตัวเลขแห่งความอุดมสมบูรณ์
เลขหนึ่งพัน (One Thousand) ครั้งหนึ่งถือกันว่าเลขหนึ่งพันเป็นตัวเลขที่แสดงถึงความเป็นอมตะ
เนื่องจากเลขหลักต่อไปเป็นภาษาอังกฤษทำได้โดยการเติมจำนวนตัวเลขเข้าไปข้างหน้าหลักพ ันเช่น 10,000 เท่ากับสิบพัน (ten thousand) 100,000 เท่ากับหนึ่งร้อยพัน (one hundred thousand) ฯลฯ
|