อยากลองให้ทุกคนได้อ่านดู จากเรื่องจริงของผู้หญิงคนนึง จากห้อง ชานเรือนเว็บพันทิป
************************************************** **
นี่เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่เราคิดว่ามันสุดๆ แล้ว 9 วันกับการนอนอยู่โรงพยาบาลอย่างเดียวดาย รอคนที่เป็นพ่อของลูก...
แต่เขากลับทิ้งเราไปอย่างไม่ใยดี เราเขียนบันทึกไว้ระหว่าง 9 วันนั้น อยากแบ่งปันให้ทุกคนได้อ่าน...
6 มิถุนายน 2550
ถ้าวันหนึ่ง ลูกมีโอกาสได้อ่านบันทึกของแม่
ก็แสดงว่าลูกรอดและมีชีวิตอยู่จนโตพอที่จะอ่านหนังสื อและเข้าใจอะไรๆ ได้ดีพอสมควร วันนี้เป็นวันที่แม่ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ถึงจะมีห่วงอยู่บ้างแต่ก็ต้องยอม มันคือการแลกกับโอกาสที่ลูกจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ตอนนี้ลูกอยู่ในท้องแม่มา 18 สัปดาห์ อีกไม่ถึง 5 เดือน เราก็จะได้เห็นหน้ากัน ถึงแม้ตอนนี้โอกาสนั้นอาจจะมีแค่ 50-50 แต่แม่ก็ยังเชื่ออยู่เสมอว่าลูกต้องรอด ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นความรู้สึก อาจจะผิดหรืออาจจะถูก
ไม่มีใครรู้ แต่แม่บอกลูกเสมอว่าให้อดทนอีกหน่อย อีกหน่อยเดียวเอง แล้วแม่เองก็ต้องอดทนด้วย อดทนที่จะนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง ทั้งๆ ที่แม่เป็นคนไฮเปอร์สุดๆ คนหนึ่งเหมือนกันรู้มั้ย
แล้วการที่ต้องทำอะไรตรงข้ามกับสิ่งที่ตัวเองเป็นนี่ มันก็ช่างทรมาน... แต่แม่ทำได้ทุกอย่าง ขอให้ลูกอยู่เท่านั้น
แม่ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องเสียสละอะไรมากมายเพื่อใคร แต่นี่อาจจะเป็นคนเดียวในชีวิตที่แม่ยอมทำให้
ความจริงตอนแรกที่รู้ว่าท้อง แม่ยอมรับว่ายังไม่อินเท่าไรด้วยซ้ำ รู้สึกยังไม่พร้อม ยังไม่อยากมีลูกเลย ถึงวันนี้เองบางทีแม่ก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมเราต้องทำเพื่อคนคนหนึ่งขนาดนี้ คนที่เรายังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ
นี่เขาเรียกว่าเป็นสัญชาตญาณแม่ล่ะมั้ง...
6 มิถุนายน 2550 บ่าย 2 โมงแล้ว หลับๆ ตื่นๆ อยู่ตลอด เจอแต่เรื่องเจ็บๆ มาหลายชั่วโมงแล้ว เมื่อตอน 11 โมงกว่า หมอผู้หญิงหน้าตาน่ารักเข้ามาตรวจ
เอาเครื่องมาฟังเสียงหัวใจลูก แต่ไม่ได้ยิน เค้าบอกว่าท้องยังเล็กเกินไป แต่แม่เคยได้ยินมาแล้วเมื่อตอนไปอัลตร้าซาวน์เมื่อเด ือนก่อน ก่อนฟังเสียงหัวใจเต้น หมอกดๆ ท้องดู แม่ถามว่ากดทำไม
เค้าบอกว่าเพื่อหาตำแหน่งมดลูกว่าอยู่ตรงไหนแล้ว
หลังจากหมอคนแรกออกไป แม่ก็ถูกเรียกไปขึ้นเขียง... นั่นคือ ขึ้นขาหยั่งเพื่อตรวจภายใน ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่เกลียดที่สุดในโลก มันเจ็บ ทรมาน ไม่ชอบ...
และที่เจ็บกว่านั้นคือ หมอสวนปัสสาวะ โอ๊ย...ไม่เคยโดนแบบนี้มาก่อน เจ็บแบบบอกไม่ถูก มันก็ไม่ได้เจ็บมากที่สุดในโลกหรอกนะ แต่ไม่ชอบเลย...
เรื่องเจ็บยังไม่หมดเท่านี้นะ พอกลับมานอนที่เตียง พยาบาลก็มาฉีดยาให้
แต่ไม่ได้ฉีดธรรมดา เขาเจาะแล้วเสียบเข็มเอาไว้ เพราะต้องฉีดยาทุก 6 ชั่วโมง ไม่เคยโดนแบบนี้ มันเจ็บ เขาคาเข็มไว้ที่หลังมือ จนป่านนี้ยังเจ็บอยู่เลย แต่คิดว่าไม่นานคงชิน เพราะมันคงคาอยู่กับแม่อย่างนี้ไปอีกนานพอสมควร
ที่เล่ามาทั้งหมด เรื่องที่เจ็บที่สุดคือเรื่องสุดท้าย เมื่อพยาบาลเอาป้ายมาแขวนที่เตียงว่า "ห้ามลงจากเตียง" นี่คือสุดยอดแล้วจริงๆ เพราะมันหมายถึงแม่ต้องสูญเสียอิสรภาพ... และไม่รู้ด้วยว่านานแค่ไหน
7 มิถุนายน 2550 ผ่านมา 1 วันแล้ว กับการอยู่บนเตียง ได้ลุกไปแค่อึ 1 ครั้ง ฉี่ 1 ครั้ง นอกนั้น...บนเตียง เรายังมีความหวังใช่ไหมลูก...
พ่อยังไม่มาเยี่ยมเลย เราน้อยใจอยู่เหมือนกัน พยายามเข้าใจว่าเขายุ่งมากๆ แต่ก็โทรมานะ
เมื่อคืนเหลียงมาเยี่ยม เราให้ช่วยไปซื้อทิชชู่ให้ เหลียงยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเหมือนเดิม ดีใจที่มีเพื่อนดีๆ อยู่หลายคน
วันนี้พี่ยุ้ยบอกจะมา แม่ก็คงมาตอนกลางวัน แอ๊ดจะมาหรือเปล่าไม่รู้... เมื่อคืนเราคิดเรื่องแอ๊ดมากๆ ฝันว่าเลิกกัน... คงมีความไม่พอใจอยู่ลึกๆ ในใจเราล่ะมั้ง เตียงที่อยู่รายรอบมีปัญหาแตกต่างกันไป มี 2 คนเป็นเบาหวาน
เขาก็อดทนมากนะ พี่คนนึง 40 แล้วเพิ่งได้ลูกคนแรก แต่เป็นเบาหวานและความดัน เขาไม่รู้ว่าท้องจน 6 เดือน พอรู้ก็รีบมารักษา เขาต้องฉีดอินซูลินทุกวัน ฉีดเองด้วย เขาบอกว่าตอนแรกก็กลัว ไม่กล้า
แต่สุดท้ายก็ต้องทำเพราะเขาอยากได้ลูกมาก เขาพูดว่า ลูกจะรู้มั้ยนะว่าแม่ต้องลำบากขนาดนี้ แต่เราเห็นเขากำลังใจดี ภูมิใจมากที่ลูกเขาดิ้นเก่ง อ้อ...แถมยังได้ลูกชายด้วยนะ ท่าทางเขาดีใจมากๆ เลย
อีกคนก็เป็นเบาหวาน ท้องได้ 3 เดือน แต่น้ำตาลไม่สูงเท่าคนแรก เขาอารมณ์ดี ลูก แม่ และสามีมาเยี่ยมทุกวัน
พี่อีกคนสิอึดมาก...เป็นตัวอย่างของความอึด เขาท้องเกือบ 6 เดือนไม่ได้ฝากท้องเลย
เพิ่งมาฝากท้องก็รู้ว่าลูกไม่ปกติ สมองผิดปกติ และหน้าหายไปด้านหนึ่ง เมื่อวานหมอเหน็บยาให้เขาแท้ง ต้องรอคลอดเอง เขาก็เดินไปมาบ่นปวดๆ แต่ไม่โวยวาย ไม่กรี๊ดหร๊าดเลยนะ อึดมาก บ่ายหน่อยก็ไม่คลอด คลอดเอง... เขาบอกเจ็บมาก
(แต่เขาก็อึดมาก) ส่วนลูกที่ออกมาเขาก็ยกให้โรงพยาบาลเอาไปศึกษา
ตอนเช้าเรานั่งคุยข้ามเตียงกัน พวกเขาก็ให้กำลังใจเรา เราบอกว่าเรายังมีโอกาส ในเมื่อมีโอกาส เราก็ไม่อยากเสียลูกไป พวกเขาบอกว่าใช่
ทุกคนที่เป็นแม่ก็คงเหมือนกันหมดแหละ ความรู้สึกผูกพัน ความเป็นนักสู้คงมีมากขึ้นตอนที่คนกำลังเป็นแม่นี่เอ ง
หิวข้าวเหมือนกัน เรากินน้อยมากเมื่อวาน คงรู้สึกหดหู่ บอกไม่ถูก แต่วันนี้นั่งรอข้าวแต่เช้าเลย
หมอผู้หญิงหน้าแขกๆ เข้ามาถามอาการ เราถามเขาว่าแล้วจะยังไงต่อไปบ้าง เขาก็บอกจะถามอาจารย์หมอให้อีกที เดี๋ยวหมออภิชาติคงมาดู หมอแขกบอกว่าถ้ารูรั่วของถุงน้ำคร่ำปิดเองได้ก็ตั้งท ้องต่อได้ แต่ต้องทำกิจกรรมทุกอย่างบนเตียง
เอาน่ะ...อีกครึ่งทางเอง เราต้องทำได้ ลูกเรายังอึดเลย เขาก็อยากจะอยู่เหมือนกัน เราก็ต้องช่วยลูกสิ จะยอมแพ้ได้ยังไง
7 มิถุนายน 2550 ตอนนี้ 3 ทุ่มกว่าได้แล้วมั้ง
ห้องดูเงียบเหงากว่าเมื่อวาน เพราะเขาออกไปแล้ว 2 เตียง เหลืออยู่แค่ 3 เตียง อยากให้มีปาฏิหาริย์...ให้ทุกอย่างเป็นปกติ ให้เรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น อยากให้ลูกรอด... ถ้าเรา 2 คนสามารถคุยกันได้ก็ดีสินะ
เราว่าภาวะของเราทั้งคู่คงไม่ต่างกัน ที่ที่ลูกอยู่คงจะคับแคบ ที่ที่เราอยู่ก็คับแคบอยู่แค่บนเตียง เราอยากให้ลูกคุยกับเราได้ อยากให้เขาบอกว่าเขาเป็นยังไง อดทนไหวมั้ย สู้ไหวมั้ย อยากให้ลูกบอกเราให้เรารู้บ้าง...
สงสารลูกมากๆ อยากช่วยเขา พยายามให้กำลังใจตัวเอง บางทีก็รู้สึกว่าเราพยายามยื้อเขาไว้ ทำให้ลูกลำบากหรือเปล่า แต่เราก็เชื่ออยู่ลึกๆ ว่าเขาจะอยู่กับเรา เขาจะรอด เขาจะอยู่ เรื่องมหัศจรรย์จะเกิดขึ้น
ถ้าพระเจ้ามีจริง เรื่องมหัศจรรย์จะเกิด...
8 มิถุนายน 2550 รู้สึกท้อแท้ชอบกล...อยากให้แอ๊ดมาเยี่ยม อยากเห็นหน้า ทำไมถึงไม่มาเลย คงมัวแต่ยุ่งเรื่องย้ายห้องให้เรา แต่ใจจริงเราอยากให้เขามาบ้างก็ยังดี
น้ำหนักลดลงไปอีก 1 กิโล สงสารลูก รู้สึกว่าเขาคงอดทนมากๆ เขาจะไม่ไหวหรือเปล่า
เมื่อวานตอนเช้าหมออภิชาติมาเยี่ยม บอกว่าจะให้ยาดูก่อน 3-4 วัน ถ้ารอยรั่วมันปิดได้ก็จะเจาะท้องแล้วเติมน้ำเข้าไป
แต่หมอบอกว่ามันรั่วมาหลายวันแล้ว โอกาสแท้งก็มีสูง
เราคุยกับพยาบาล เขาบอกว่าเวลาเติมน้ำคร่ำเข้าไปนี่ไม่ใช่ครั้งเดียวน ะ ต้องทำหลายครั้ง แล้วเขายังพูดอีกว่า หมอคิดว่ารอยรั่วมันจะปิดได้ยังไง
ไม่รู้สิ...เราก็เศร้านะ แต่ยังมีความหวังอยู่
เช้านี้ พี่คนเตียงข้างๆ ดูหดหู่เพราะน้ำตาลขึ้น สงสารเขา เขาก็คงสงสารเรา มาถามว่าเป็นไงบ้าง เราบอกว่ามีน้ำออกมามากกว่าเมื่อวันก่อนอีก เขาก็ทำหน้าเห็นใจ
นี่แหละนะ คนที่ต้องอยู่ในภาวะเดียวกัน ย่อมมีความเข้าใจกันดีกว่าคนอื่น
กลางวันนี้แม่จะมา นัดกับแม่เหลียงด้วย เราบอกให้สองคนไปเที่ยววัดด้วยกัน อยากให้เขามีความสุข แม่เหลียงดีกับเรามากๆ เลย
10 มิถุนายน 2550
ไม่ได้เขียนบันทึกมา 2 วัน เพราะไม่อยากทำอะไรเลย เมื่อคืนเป็นคืนที่ทรมานอีกคืนหนึ่ง เรามีเลือดออกตั้งแต่เย็น ก็ตกใจอยู่ ความจริงหมออภิชาติเพิ่งเดินเข้ามาถามอาการ ซึ่งเราบอกว่าไม่มีอะไร
หมอออกไปได้ซักไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเอง กินข้าวเสร็จก็รู้สึกว่ามีเลือดปุ๊ดออกมา เราเรียกพยาบาลมาดู เขาก็รีบพาไปตรวจภายใน มีหมอเวรดูให้ เลือดที่ออกมามีก้อนเลือดออกมาด้วย เลือดออกเยอะมาก ออกตลอด
พอสักพักเราขอฉี่ก็มีเลือดออกมาอีกก้อน เราเริ่มปวดตึงๆ ที่ท้องน้อย ปวดชาๆ เหมือนมีประจำเดือน เมื่อคืนก็รู้สึกปวดตึงๆ ตุบๆ ทั้งคืน นอนไม่หลับเลย ฝันร้ายตลอด นอนร้องไห้ทั้งคืน บอกลูกว่าไม่ไหวแล้วก็ไปเถอะ
ไม่อยากให้ลูกทรมานอย่างนี้ สงสารลูกมาก เมื่อคืนเราทำใจแล้วว่าเช้านี้แท้งแน่ พอเช้ามืดฉี่อีกครั้งก็มีก้อนเลือดออกมาอีก พยาบาลมาดูและทำท่ากังวล เราถามเขาว่าจะแท้งใช่ไหม เขาบอกว่ามีแนวโน้ม...น่าจะ...
เรารู้สึกหดหู่มาก แต่ในใจคิดว่าอยากปล่อยลูกไป เขาก็คงทรมานเหมือนกัน อยู่ในที่ที่ไม่สบาย แล้วยังเลือดออกเพราะมดลูกบีบตัวอีก เขาคงเจ็บเหมือนกัน
หลังจากเช้า ปรากฏว่าอาการปวดตึงๆ ดีขึ้นจนหาย เลือดก็เริ่มหยุด
ตอนนี้บ่ายโมงกว่าเกือบบ่าย 2 แล้ว แอ๊ดบอกว่าเย็นๆ จะมา เราก็ได้แต่รอ...
ความจริงเราอยากรู้คำตอบมากๆ ว่า เราต้องทำยังไงกับชีวิตต่อไป ถ้ายื้อลูกไว้แล้วเขาไม่สมบูรณ์ สุดท้ายเราก็ต้องเอาออกอยู่ดี
แต่ตอนนี้ยังมีความหวังอยู่นะ ลูกอึดมากๆ สมกับเป็นลูกเรา
ปาฏิหาริย์คงจะมีจริง... ต้องมีจริงสิ ไม่รู้นะ รู้สึกมีความหวังอยู่ในใจเสมอ คิดถึงแอ๊ด อยากให้มาอยู่ด้วย เขารักเราบ้างหรือเปล่านะ...
11 มิถุนายน 2550
ไปอัลตร้าซาวน์มาแล้ว ปรากฏว่า...ไม่มีน้ำคร่ำเลย ลูกนอนคุดคู้อย่างน่าสงสาร หัวใจก็ยังเต้นดีอยู่ แสดงว่าเขาก็อึด ก็สู้มากๆ ขอบใจนะลูก หมอให้ตัดสินใจว่า จะเติมน้ำคร่ำเข้าไป
หรือยุติการตั้งครรภ์ แต่ก็บอกว่าถึงเติมเข้าไปก็รั่วออกมาอีก เราอยากให้ลูกอยู่ แต่ก็สงสารเขามาก หมอบอกว่าถ้าน้ำคร่ำน้อยอย่างนี้ เด็กจะมีปัญหาปอดแฟ่บ ซึ่งเขาก็อยู่ไม่ได้อยู่ดี เราทำใจไว้แล้วล่ะ แต่อยากรอแอ๊ด
อยากให้มาช่วยตัดสินใจ ทั้งๆ ที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วในใจ...
เมื่อเช้าหมอนักศึกษามาเรียน อาจารย์หมอดุๆ ก็คอยสอน เราก็ฟังเขา เขาพูดถึงเคสเราว่าไม่เกินอาทิตย์คงแท้ง เพราะรูรั่วมันคงปิดไม่ได้แล้ว เราก็ฟัง
ได้ความรู้ดี แต่ไม่ได้สะเทือนใจมากมายอะไรเพราะทำใจไว้แล้ว ขนาดทำใจไว้แล้วเราก็ยังรู้สึกหลายๆ อย่างปนกัน รู้สึกผิด รู้สึกหดหู่ รู้สึกแย่ สงสารลูกมากๆ เราไม่กล้ามีลูกอีก บอกตัวเองว่าจะไม่มีอีก
แต่ถ้าเขาจะมาเกิดกับเราอีก เราก็คงดีใจนะ
ไม่เคยคิดว่าเราจะทำอะไรเพื่อใครมากขนาดนี้ นี่เป็นคนแรกในชีวิตจริงๆ ความรักที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างนี้นี่เอง รักโดยไม่หวังอะไรตอบแทน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
เรารู้แล้วล่ะว่าต่อไปเราจะจัดการกับความรักยังไง ไม่ว่าจะกับแอ๊ด กับแม่ หรือกับน้อง
เมื่อคืนรู้สึกมากๆ ว่า เราต้องทำดีกับแอ๊ดมากๆ ถึงแม้บางครั้งจะรู้สึกว่าเขาไม่ดีกับเราอย่างที่เรา หวังไว้
สิ่งที่ทำได้คือไม่คาดหวัง รักเขาให้มากเท่าที่เราทำได้ เราว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วล่ะ
(ทุ่มกว่าๆ) ตัวเล็กของแม่ ถ้าแม่ช่วยลูกได้ดีกว่านี้ก็คงดีสินะ แต่นี่ที่ผ่านมาเหมือนแม่ทรมานลูกมากๆ เลย แม่เครียด
แม่ขี้หงุดหงิด แม่ดื้อที่ไม่ยอมเปลี่ยนหมอเพราะเห็นแก่ความสะดวกของ ตัวเองเท่านั้น ขอโทษจริงๆ นะลูก หวังว่าลูกคงให้อภัยแม่นะในทุกๆ เรื่องที่แม่ตัดสินใจ
แม่รู้สึกบาปมากๆ กับทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา
โดยเฉพาะเรื่องสุดท้าย ลูกจะรู้สึกหรือเปล่าว่าทำไมแม่ไม่สู้ แม่อยากสู้นะ แต่ถ้าต้องแลกกับความเสี่ยงที่จะเกิดกับลูก สิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้ในอนาคต แม่ก็ไม่อยากเป็นคนทำร้ายลูกมากไปกว่านี้ ยกโทษให้แม่ด้วยนะลูก
หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างคงลงเอยด้วยดี แม่รักลูกมากๆ นะ มันเป็นความรักที่แม่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ขอบใจนะที่ทำให้แม่รู้ว่าความรักที่แท้จริงมันคืออะไ ร ทุกสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตแม่ มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่แม่รู้สึกกับลูก
ขอบใจมากๆ นะ
12 มิถุนายน 2550 เกือบๆ ตี 3 แล้ว คิดถึงลูกมากๆ รักลูกมากๆ นะ (8.27 น.) เช้านี้หมอมาเรียนกันปลายเตียงตามเคย เขาถามว่าเราตัดสินใจยังไง เราก็บอกไป... ถามเขาว่าแล้วจะทำยังไงต่อ
หมอหน้าแขกบอกว่าอาจจะเหน็บยาเพื่อให้แท้ง เราส่งข้อความไปบอกแอ๊ด แล้วมานอนคิดว่าเราคิดผิดหรือเปล่า มันหดหู่มากๆ เลย สงสารลูก ถ้าเขาบอกเราได้ก็คงดีว่าเขาอยากให้เราทำอย่างไร...
รู้แต่ว่านับจากวันพรุ่งนี้ไปเราจะคิดถึงลูกมาๆ ถึงเราจะไม่ได้ทำอะไรให้เขามากมายมาก่อน แต่ที่ผ่านมาก็หวังเสมอว่าจะได้เห็นหน้า ได้เลี้ยงเขา ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ...เศร้าจัง (12.25 น.)
หมอเหน็บยาครั้งแรกให้แล้ว บอกว่าไม่เกิน 2 วัน เราก็จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว... (18.25 น.) เจ็บทั้งตัวและหัวใจ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...
หมอเหน็บยาครั้งที่ 2 เรากลัวมาก... เจ็บ แต่ที่เจ็บกว่าร่างกายก็คือหัวใจ...
เรา sms หาแอ๊ดตั้งแต่เช้า ช่วงบ่ายก็โทรหาหลายที เงียบหาย... พอเขาโทรกลับมาก็ทำเสียงหงุดหงิด เสียงรำคาญเรามาก ถามว่า...ว่าไง
เราบอกว่าปวดท้อง แอ๊ดก็บอกว่าบอกหมอสิ บอกหรือยัง เราก็บอกว่าบอกแล้ว เขาก็ทำเสียงรำคาญ เราถามว่าวันนี้ยุ่งเหรอ เขาบอกว่ายุ่งมาก ไม่งั้นก็โทรหาตั้งแต่เช้าแล้ว เข้าใจเขาบ้างสิ ...แล้วเราล่ะ
เรารู้แล้วว่าความรักมันไม่เหลือแล้ว จุดเริ่มต้นของเราสองคนมันแค่เซ็กส์ สุดท้ายมันก็จบลง เรารู้สึกเจ็บมากๆ ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะต้องรู้สึกแบบนี้อีกหลังจากเลิกก ับพี่น้อย
เราไม่คิดว่าคนที่เคยพูดกับเราว่าอยากสร้างครอบครัวก ับเราจะทำกับเราแบบนี้
เราทรมานมากๆ พระเจ้าเกลียดเรา เราก็เกลียดพระเจ้า ต่อจากนี้ไปจะไม่รักใครอีกแล้ว เพราะคนที่เรารักกำลังจะจากเราไปแล้ว
ลูกจ๋า ทำไมไม่อยู่กับแม่ คิดถึงลูกมากๆ รู้มั้ย
13 มิถุนายน 2550 ตัวเล็กจากแม่ไปแล้วเมื่อตอนเที่ยงคืน ลูกเป็นผู้ชาย ดูปกติทุกอย่างจนเรารู้สึกผิด กลัวว่าตัวเองตัดสินใจผิด สงสารลูกมากๆ คิดถึงมากๆ ด้วย
คิดถึงลูกจริงๆ... (10.30 น.) เตียงข้างๆ ที่เพิ่งมาตั้งท้อง 39 สัปดาห์แล้ว แต่ลูกตายในท้อง นอนคุยกัน สงสารเขามากๆ เลยทำให้เรารู้สึกว่ามีคนแย่ๆ กว่าเราตั้งเยอะ คิดถึงลูก... ตัวเล็กของแม่ คิดถึงลูกมากๆ จริงๆ
(18.25 น.) ภาพที่ยังติดตาจนตอนนี้คือหน้าของลูก เราขอเขาดูตอนลูกออกมาเมื่อคืน เราอยากเห็นหน้าเขา จำหน้าเขาไว้ตลอดชีวิต คิดถึงลูกมากๆ อยากให้เขายังอยู่ในท้องเรา อยากเห็นเขาออกมา ได้เลี้ยง ได้อุ้ม ได้กอด
คิดถึงมากจริงๆ
เมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นความทรงจำที่สุดๆ ในชีวิต เจ็บปวดทั้งร่างกายทั้งจิตใจ เราปวดท้องตั้งแต่เที่ยงกว่าตอนเขาเหน็บยาครั้งแรก จน 6 โมงเย็นเหน็บยาครั้งที่ 2 จากที่ปวดหน่วงๆ เราก็เริ่มปวดมากขึ้น
มากสุดๆ ตอนประมาณเกือบ 2 ทุ่ม ปวดจนเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วเลยเรียกพยาบาล เขารีบเข็นเราไปอีกห้องหนึ่ง แล้วทิ้งให้เรานอนปวดอยู่คนเดียว บอกว่าลูกยังไม่ออกหรอก แต่มันปวด... ปวดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต
พอปวดมากขึ้นเราก็เรียกพยาบาล เขามาดูก็บอกว่ายังไม่ออก แล้วก็ฉีดยาแก้ปวดให้ ยาทำให้มึนมาก จะอ๊วกด้วย มันเลยเป็นแบบทั้งปวดทั้งมึน เราปวดจนเกาะลูกกรงเตียง อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก เรามึนๆ เหมือนจะหลับให้ได้
นอนหันข้างเกาะลูกกรงเตียง คิดถึงป๊ามากๆ เลยตอนนั้น
ตอนมึนๆ อยู่ นอนเกาะลูกกรง สักพักก็รู้สึกเหมือนมีอะไรปรู๊ดออกมา เรากดเรียกพยาบาลมา เขาก็บอกว่าเด็กออกมาแล้ว เราขอเขาดูลูก เขาบอกว่าเป็นผู้ชาย
แล้วก็เอามาให้ดู ลูกหนัก 195 กรัม ตัวยาวประมาณ 5-6 นิ้ว ตัวยาว แขนขายาว เป็นปกติทุกอย่าง จนเรารู้สึกผิดมากๆ ที่เขาไม่ได้ผิดปกติ แต่เราต่างหากที่ผิด
เราดูหน้าลูก อยากจำหน้าเขาไว้ตลอดไป
เรารู้ว่าเราจะไม่มีวันลืมหน้าลูกไปตลอดชีวิต เขาออกมาตอนเที่ยงคืน เรายังต้องนอนรอคลอดรกต่อไป พยาบาลบอกว่าท้องอ่อนๆ มักจะต้องรอคลอดรกนานประมาณ 2 ชั่วโมง เราก็ปวดต่อไปเป็นพักๆ พยาบาลเข้ามาดูเป็นระยะๆ
เราเลยขอเขาดูลูกอีกครั้ง เขาเอาลูกใส่ถุงพลาสติก ตัวนิดเดียว เราพลิกดูลูกจนพยาบาลบอกว่าพอเถอะ เขาคงไม่อยากให้เราดูนาน กลัวเราจะเสียใจมั้ง
เราปวดต่อไปอีก 2 ชั่วโมงครึ่งกว่ารกจะออก
หมอก็มาล้วงดูว่ามีอะไรตกค้างอีกหรือเปล่า เจ็บมาก เราอยากอ๊วกมากๆ
พอเสร็จทุกอย่างเกือบตี 3 พยาบาลก็ประคองมาส่งที่ห้อง ยังไม่ถึงห้องเราก็บอกว่าอยากอ๊วก เขาเลยเอารถเข็นมาให้นั่ง พอถึงเตียงเขาก็เอากระโถนให้
ตอนแรกเราอ๊วกเป็นลมๆ ออกมา พออีกทีพรวดออกมาเลย 2 ครั้ง ทรมานมากๆ เลย พยาบาลเอาเราขึ้นเตียง ยกลูกกรงมากั้น เรามึนๆ อยู่สักพักก็หลับไปแบบไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย ตื่นเช้ามา พยาบาลมาปลุก
เราส่งข้อความถึงแอ๊ดบอกว่าลูกชายจากเราไปแล้วนะ สักพักแอ๊ดก็โทรกลับมา เสียงซึมๆ นิดหน่อย เราไม่รู้ว่าแอ๊ดรู้สึกยังไงบ้าง เขาบอกเราว่าพรุ่งนี้จะมารับ
ความจริงเรารู้สึกว่าเราคงจะเลิกกับแอ๊ดแน่ๆ
เพราะเรารู้สึกไม่ไว้ใจแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เขาทำเหมือนไม่รักเราเลย แต่พอคิดไปคิดมา ก็พยายามประคองกันไปแล้วกัน สุดท้ายจะเป็นยังไงก็ให้มันเป็นไป เราคิดว่า คงไม่มีอะไรทำให้เราเจ็บปวดมากเท่ากับเรื่องที่เสียล
ูกไปได้อีกแล้ว...
13 มิถุนายน 2550 เกือบครบ 1 วันแล้วที่ตัวเล็กจากแม่ไป คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะนอนโรงพยาบาล แต่เป็นคืนที่อ้างว้างที่สุด เพราะไม่มีลูกอยู่ด้วย เรานอนไม่หลับเลย ยังไงๆ ก็ไม่หลับ คิดหลายๆ
เรื่องที่ผ่านมา และเรื่องที่ต้องตัดสินใจในวันต่อๆ ไป
เรากำลังคิดเรื่องระหว่างเรากับแอ๊ด มันจะเป็นยังไงต่อไป... ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา มันพิสูจน์แล้วว่าเขารักเราหรือเปล่า...
เรายังจำความรู้สึกที่นั่งอยู่ที่คอนโดกับลูก รอเขา มองที่ถนนรอว่าเมื่อไหร่จะมีรถของแอ๊ดมาจอด แล้วแอ๊ดก็ลงมาหาเรา มากอดเราเหมือนที่เขาเคยทำ มันเป็นความรู้สึกที่อ้างว้างมากๆ เราพูดกับลูก ร้องไห้กับลูก
หวังว่าวันหนึ่งเราจะไม่เหงา ไม่ต้องรออีกว่าแอ๊ดจะมาไหม ถ้าเรามีลูก เราจะไม่เหงา แต่นับจากวันนี้ไปเราจะไม่มีลูกอีกแล้ว ตัวเล็กทิ้งแม่ไปแล้ว แม่คิดถึงลูกมากๆ มากที่สุดในโลก มากที่สุดในชีวิต สงสารลูก
อยากให้เขาอยู่กับเรา อยากมีโอกาสได้กอด ได้เลี้ยงเขา คิดถึงลูกมากๆ
แอ๊ดไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกนี้ เขาคงไม่คิดแม้แต่จะสัมผัส ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำเท่านั้น
อาจจะเพื่อไม่ให้ใครรู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่รับผิดชอบ แต่สิ่งที่เราต้องการมากที่สุด ไม่ใช่เงินทอง ไม่ใช่ความรับผิดชอบว่าต้องมีบ้านให้อยู่ มีรถให้ขับ พวกนั้นมันไม่มีค่าอะไรสำหรับเราเลย สิ่งที่เราต้องการที่สุดคือ
ความรับผิดชอบต่อความรู้สึกเราเท่านั้นเอง อย่างเดียวจริงๆ
เขาจะรู้สึกเสียใจบ้างไหมที่ลูกตาย หรืออาจจะคิดแค่ว่าเดี๋ยวก็ทำใหม่เท่านั้น ความหมายของชีวิตชีวิตหนึ่งทำไมถึงมีค่าน้อยจังสำหรั บแอ๊ด
แล้วนี่คือคนที่เราจะกล้าฝากชีวิตไว้กับเขาหรือ
ไม่อยากนอนเลย เกลียดกลางคืน อยากมีลูกอยู่ด้วย อยากตื่นมาเห็นหน้าเขา ได้กอด ได้หอม คิดถึงลูกมากๆ มากที่สุดในโลก มากที่สุดในชีวิต รักลูกมากที่สุด คิดถึงมากๆ
แม่ไม่มีวันลืมหน้าลูกได้จริงๆ ตลอดชีวิตนี้ของแม่ แม่รักลูกนะ ตัวเล็กของแม่ แม่รักหนูมากที่สุดในชีวิตของแม่
14 มิถุนายน 2550 (8.35 น.) วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่โรงพยาบาล
มันช่างแตกต่างจากวันแรกที่มา วันที่เรามาเราเต็มไปด้วยความหวัง หวังว่าจะไม่ต้องเสียลูกไป แต่วันนี้...เราได้คำตอบแล้ว สิ่งที่เราหวังต่อไปเป็นสิ่งที่ไม่กล้าหวังด้วยซ้ำ คือหวังให้แอ๊ดดีกับเราเหมือนเดิม
หวังว่าจะได้ยินเสียงเพลงที่เรากับแอ๊ดชอบอีก เพลงที่แอ๊ดบอกว่ามันหมายถึงเรา 2 คน
คิดถึงลูกเหลือเกิน คิดถึงมากที่สุดในชีวิตเลย... ลูกจะเป็นยังไงบ้างนะ
เก๋เดินมาปลอบเพราะรู้เรื่องเมื่อคืนที่เราร้องไห้ นอนไม่หลับ เราหยุดร้องไห้ไม่ได้จริงๆ ทำไงดี... คิดถึงลูกจัง (10.45 น.) พี่โอ๋แวะมาเยี่ยม... บอกเราว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องตัดสินใจ
เรายังรอแอ๊ดอยู่ด้วยความหวัง... หวังว่ามันจะมีอะไรดีขึ้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่า ปาฏิหาริย์ไม่เคยเกิดขึ้นจริง...
เราจบบันทึก 9 วันไว้แค่นั้น วันนี้เรายังคงเขียนบันทึกต่อไป แม้ชีวิตคู่ของเราจะจบไปแล้ว
คนที่เรารักจากเราไปทั้ง 2 คน เราคิดเสมอว่า เราผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้อย่างไร ทำไมเราไม่ตายไป หรือเป็นบ้าไปเลย เรายังอยู่ได้ เจ็บปวด แต่ก็ยังอยู่ มีคนบอกเราว่า นั่นแสดงว่า เรายังทนไหว...
มันเพิ่งผ่านมาแค่เดือนเดียว แต่เรารู้สึกว่าความทรมานมันยาวนานเหมือนเป็นปี เรากำลังพยายามเข้มแข็ง สิ่งเดียวที่เป็นกำลังใจตอนนี้คือ เรารู้สึกเสมอว่าลูกยังอยู่กับเรา อยู่ในหัวใจของเราตลอดไป...
|