เรื่องมีอยู่ว่า ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีแม่ลูกคู่หนึ่งทำนากันเพียงสองคน
โดยที่ลูกชายเป็นคนที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอันแรงกล้า โดยความคิดของเขาคืออยากพบพระอรหันต์ จริงๆ สักครั้งหนึ่ง .....
จนมาได้ยินชาวบ้านพูดกันว่ามีพระอรหันต์รูปหนึ่งมาธุดงค์ที่เขาทางตอนเหนือ
ห่างจากนี่ไปประมาณไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็ขอแม่ไปหาพระรูปนั้นทันที.....
จนกระทั่งมายังเขาลูกนั้นก็ทำการตามหาพระอรหันต์รูปนั้นทันทีก็ไปพบตาลุงแก่ๆ
คนหนึ่งจึงตรงไปถามว่าเห็นพระรูปหนึ่งไหมแต่ลุงนั้นก็ปฏิเสธ ...ว่าไม่พบใครเลย ชายคนนั้นจึงแจ้งความประสงค์ในการมาให้ลุงแก่ฟังลุงจึงบอกว่าที่นี่ไม่มีหรอกพระอรหันต์อะไรนะ
โดยชี้ว่าถ้าอยากเจอให้ไปตามทางนี้จึงเขียนแผนผังให้ชายหนุ่มนั้นโดยให้เดินไปทิศใต้ จากนั้นจะพบคนที่เป็นพระอรหันต์นะจะเป็นคนที่ซึ่งสังเกตุง่ายๆ คือใส่เสื้อผ้าและรองเท้าสลับข้างกัน .................
ชายหนุ่มนั่นจึงเดินตามแผนที่เขียนทุกประการจนกลับมาที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่คุ้นมาก
ฝ่ายมารดาหนุ่มนั่นพอได้ยินเสียงก็คิดว่าคงเป็นลูกชายที่กลับมาแน่ๆจึงรีบออกมาต้อนรับ
ซึ่งเป็นเวลาดึกมากและประกอบกับดีใจ จึงทำให้แม่ของหนุ่มนั่นใส่เสื้อสลับหน้าหลัง และรีบสวมรองเท้าจนใส่กลับข้างมารับลูกชาย.......
พอชายหนุ่มนั่นเห็นแม่มารับและเห็นเห็นการแต่งตัวของแม่ก็นั่งคุกเข่าร้องไห้แบบเด็กทารกทันที เพราะนี่แหละคือ พระอรหันต์ที่เขาใฝ่หาอยากพบอยากเห็นมาตลอดนั่นเอง
นิทานเรื่องนี้ .....สอนได้เรื่องเดียวเลยคือ
บางครั้งคนเราจะใฝ่หาและนึกถึงแต่คนที่เรารักคนที่เราต้องการ โดยที่เราไม่ได้คิดเลย.....ว่าคนที่อยู่ข้างหลังเรานั้น เป็นคนที่เราควรรักและบูชารักมากที่สุดเหนืออื่นใดแล้ว และจะเป็นคนที่เราดีใจก็จะดีใจไปกับเรา
หรือเสียใจก็พร้อมเศร้าใจไปพร้อมเราเช่นกัน.....
|