บุคลากร บริการLinks

นางในฝัน

ปุณณวัฒนกุมารเป็นบุตรชายของเศรษฐีคนหนึ่งในเมืองสาวัตถี พ่อแม่อยากให้แต่งงาน แต่แกไม่ยอมแต่งเสียที เมื่อทนรบเร้าไม่ได้  ก็ตั้งข้อเสนอว่าหากหาหญิงสาวที่มีคุณสมบัติห้าอย่างนี้มาได้  เขาจึงจะยอมแต่งงาน

สเป็คฯที่ว่านี้เรียกว่า  “เบญจกัลยาณี” อันได้แก่

1  เกสกลฺยาณํ   ผมงาม คือ  หญิงผู้มีผมยาวถึงสะเอว  และปลายผมงอนขึ้น
2  มงฺสกลฺยาณํ  เนื้องาม คือ  หญิงผู้มีริมฝีปากแดงดุจผลตำลึงสุกและเรียบชิดสนิทกันดี
3  อฏิกลฺยาณํ   กระดูกกงาม  คือ หญิงผู้มีฟันสีขาวประดุจสังข์และเรียบเสมอกัน
4  ฉวิกลฺยาณํ  ผิวงาม  คือ หญิงผู้มีผิวกายงามละเอียดสวยงาม
5  วยกลฺยาณํ วัยงาม คือ  หญฺงผู้ที่แม้จะคลอดบุตรกี่ครั้ง ก็ยังคงเต่งตึงไม่หย่อนยาน  (ไม่รุ้ว่าดูออกอย่างไร)

อืม ! ขอไม่มากเลยนะ      สังเกตว่าทั้งห้าข้อเป็นคุณสมบัติทางกายภาพทั้งสิ้น
ตำนานเล่าต่อไปว่า  ฝ่ายพ่อแม่ก็ไม่ย่อท้อ ส่งพราหมณ์ไปเป็นแมวมองค้นหาหญิงสาวตามสเป็คฯนี้จนพบเข้าคนหนึ่งในเมองสาเกต  ชื่อนางวิสาขา ยามนั้นนางวิสาขาพร้อมทั้งหญิงบริวารออกมาเที่ยวเล่นกัน  ฝนเทลงมาอย่างหนัก หญิงบริวารทั้งหลายพากันวิ่งหลบฝนเข้าไปในศาลา แต่นางวิสาขายังคงเดินด้วยฝีเท้าปกติ
พราหมณ์แมวมองรู้สึกแปลกใจยิ่ง  ถามนางว่า “ทำไมเธอจึงไม่วิ่งหลบฝนเหมือนกับหญิงคนอื่นๆ ?”
คำตอบของนางคือ “เป็นหญิงสาววิ่งแล้วดูไม่งาม หากหกล้มอาจเสียโฉมพิการ  หมดคุณค่าไป” (ความจริงนางตอบยาวกว่านี้มาก)     
แสดงว่านางวิสาขาไม่เพียงแต่สวย ยังฉลาดด้วย  นับว่าเป็นความโชคดีของปุณณวัฒนกุมารที่นางวิสาขามิได้กำหนดสเป็คฯของ “เบญจบุรุษ” ด้วย

ก่อนส่งตัว บิดาของนางวิสาขาเรียกนางไปให้โอวาทสิบประการ
1  ไฟในอย่านำออก   คืออย่านำความไม่ดีของพ่อผัวแม่ผัวและสามีออกไปพูดให้คนภายนอกฟัง
2  ไฟนอกอย่านำเข้า   คือเมื่อคนภายนอกตำหนิพ่อผัวแม่ผัวและสามีอย่างไร อย่านำมาพูดให้คนในบ้านฟัง
3  ให้แก่คนที่ควรให้เท่านั้น คือให้แก่คนที่ยืมของไปแล้วแล้วนำมาคืน
4  ไม่ให้แก่คนที่ไม่ควรให้   คือไม่ให้แก่คนที่ยืมของไปแล้วไม่คืน
5  ให้ทั้งเก่คนที่ควรให้และไม่ควรให้   คือเมื่อมีญาติมิตรผู้ยากจนขอความช่วยเหลือพึ่งพาอาศัย        จะให้คืน       หรือไม่ให้คืน ก็ควรให้
6  พึงนั่งให้เป็นสุข   คือไม่นั่งในที่กีดขวางพ่อผัว  แม่ผัวและสามี
7  พึงนอนให้เป็นสุข  คือไม่ควรเข้านอนก่อนพ่อผัว แม่ผัวและสามี
8  พึงบริโภคให้เป็นสุข คือควรควรจัดให้พ่อผัว  แม่ผัวและสามีบริโภคแล้ว ตนจึงบริโภคภายหลัง
9  พึงบำเรอไฟ  คือให้มีความสำนึกอยู่เสมอว่า  พ่อผัว แม่ผัวและสามีเป็นเหมือนกองไฟ    และพญานาคที่ต้อง    บำรุงดูแล
10 พึงนอบน้อมเทวดาภายใน  คือให้มีความสำนึกอยู่เสมอว่าพ่อผัวแม่ผัวและสามีเป็นเหมือนเทวดา       ที่จะ    ต้องให้ความนอบน้อม

เชื่อแน่ว่าตัวละครในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ในสมัยหนึ่งที่ว่าด้วยการต่อสู้ระหว่างแม่ผัว - ลูกสะใภ้คงไม่เคยปฏิบัติตามโอวาทสิบประการนี้ แม่ผัวกับลูกสะใภ้จึงทะเลาะกันในละครมานานนับสิบปี
หลายคนในสมัยนี้คงบอกว่า โอวาทสิบประการนี้เข้าข่ายละเมิดสิทธิสตรอย่างยิ่ง เป็นการอบรมสร้าง “ ช้างเท้าหลัง ”  ย่างแท้จริง พูดสั้นๆ คือบทบาทของหญิงเป็นเพียงทาสรับใช้ชายเท่านั้น
ทว่าเราคงใช้ข้อแม้ทางสังคมในยุคอินเตอร์เน็ตเป็นมาตรวัดพฤติกรรมวคนในสมัยกว่าสองพันปีก่อนไม่ได้  คำถามที่น่าสนใจมากกว่าคือ  เมื่อ พ.ศ. นี้มีข้อใดในโอวาทสิบประการนี้ที่ยังใช้ได้หรือว่าล้าสมัยไปหมดแล้ว ??
ดูเหมือนเหลืออยู่ไม่กี่ข้อที่ว่าด้วยการไม่เป็นคนขี้นินทาและมีเมตตา
ส่วนการที่บริโภคอาหารหลังสามีและพ่อผัว แม่ผัว ออกจะเป็นเรื่องที่ไม่ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอย่างไรพิกล

สังคมปัจจุบันต้องการ “ โอวาทสิบประการ ”   เสมอ  แต่มันเปลี่ยนไปตามปัจจัยต่างๆ
ในสภาพสังคมที่เงินทองหายาก ภรรยาจำนวนมากต้องออกไปทำงานนอกบ้านอีกแรงหนึ่งด้วย  กระนั้นสามีหลายคนยังคาดหวัง (ด้วยความโลภ)  ว่า บทบาทของ “ เบญจกัลยาณี ”   ต้องไม่ลดลง พูดง่ายๆ ว่า หญิงสาวนอกจากต้องทำงานนอกบ้านมาช่วยด้านการเงินแล้ว  ยังต้องเลี้ยงลูก  ดูแลเรื่องการกินอยู่  ซักผ้า  ล้างจานด้วย ฯลฯ  จึงจะเป็นยอดภรรยา (น่ารังเกียจจิต)
ผ่านมาหลายปี สเป็คฯ ของผู้ชายเราไม่เคยเปลี่ยนเลยคือเอาแต่ได้จริงๆ !!
อาจจะจริงอย่างที่คนโบราณว่า  เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก เพราะโลกนี้ยังเป็น  “ ปิตาธิปไตย ”  จริงๆ

ชายยังคงคาดหวังว่าหญิงต้องเป็นคนดูแลตนส่วนหญิงจำนวนหญิงจำนวนไม่น้อยก็ตกอยู่ในกับดักของความเชื่อที่ว่า ต้องเอาใจชาย  มิฉะนั้นเขาอาจเปลี่ยนใจ (เป็นความคิดที่โง่มากนะ)
การเอาใจส่วนหนึ่งก็คือการรักษาสภาพร่างกายของตนเองให้มีเสน่ห์ยวนใจเสมอๆ เราก็จึงยังเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยยาลดความอ้วน  การดูดไขมันเพื่อเอาใจชาย  ด้วยความเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มัดใจชายได้
แต่หาก “ คุณค่า ”   เหล่านี้เป็นตัวมัดใจชายจริง หญิงสาวเหล่านั้นจงระวังด้วยว่า วันหนึ่งเมื่อสเป็คฯนี้หมดอายุ  เขาก็ไปหาคนใหม่ได้

คุณค่าของหญิงไม่น่าจะใช่(ไม่ใช่เลยแหละ)การมีริมฝีปากแดงดุจผลตำลึงสุก ฟันสีขาวประดุจสังข์  หรือการที่คลอดลูกกี่ครั้งยังเต่งตึง
“ เบญจกัลยาณี ”  น่าจะหมายถึงคนที่ยืนหยัดเคียงค่าสามี ไม่ใช่เดินตาม  เป็นเพื่อนไม่ใช่ทาส เอาใจแต่ไม่ตามใจ อ่อนน้อมแต่ไม่อ่อนแอ เพราะสเป็คฯทางกายหมดอายุเร็วกว่าสเป็คฯทางใจนัก

 จากหนังสือ “ความฝันโง่ๆ” ของวินทร์  เลียววาริณ   เรื่อง  นางในฝัน (หน้า  137-140 )