กาลครั้งหนึ่ง ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง อุดมไปด้วยสารพัดสัตว์น้อยใหญ่
ก็อยู่กินกันตามประสาสัตว์เรื่อยไป จนเริ่มรู้สึกตรงกันว่า การไม่มี นาย เป็นผู้นำ เป็นชีวิตที่ขาดความสมบูรณ์
แต่ปัญหาอยู่ที่กฎกติกาในการเลือก ถ้าแข่งกันด้วยความใหญ่ ความแข็งแรง สัตว์ใหญ่อย่างเสือ สิงห์ กระทิง
หมี ก็ได้เปรียบกว่าสัตว์เล็กๆอย่าง ลิง ค่าง หมาป่า หมาจิ้งจอก
คุยกันจนได้กติกา...จะใช้การละเล่น สัตว์ไหนเล่นได้ถูกใจ ได้คะแนนจากสัตว์อื่นมากกว่า ก็จะยอมให้เป็นผู้นำ
ถึงเวลาแข่งขัน
สารพัดสัตว์ก็งัดกลเม็ดเด็ดพรายออกมาเล่นเต็มที่ แต่ก็ไม่มีสัตว์ไหน เล่นเรียกเสียงฮือฮาได้มากกว่าลิงลิงมีธรรมชาติห้อยโหนโจนทะยานอยู่แล้ว เมื่อใช้สมองคิดท่าใหม่ๆ จึงไม่มีสัตว์ใดเล่นสู้ได้เลย
ตามกติกา ก็เป็นอันว่า ลิงเป็นเจ้าแห่งป่า เป็นราชาแห่งสัตว์
หมาจิ้งจอกตัวหนึ่ง...ไม่มีใครเทคะแนนเสียงให้เท่าลิง ก็แอบอิจฉา วางแผนไว้ว่า จะหาทางสอยลิงให้ร่วงจากเก้าอี้เจ้าแห่งป่า ราชาแห่งสัตว์ ให้จงได้
วันหนึ่ง...หมาจิ้งจอกเที่ยวหากิน ก็ไปเจอชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ วางไว้ในที่เปิดเผย หมาจิ้งจอกมีประสบการณ์ ไม่บุ่มบ่ามเข้าไปงับ ตั้งหลักพิจารณา แล้วก็พบว่า ชิ้นเนื้อนั้นวางไว้บนกับดักสัตว์ของนายพราน...
คิดได้แล้ว
หมาจิ้งจอกก็หันหลังวิ่งไป โค้งคำนับ รายงานลิงเจ้าแห่งป่าว่า พบชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ ในฐานะเป็นบริวาร ไม่อาจแตะชิ้นเนื้อในเขตอาณาจักรราชาแห่งสัตว์ได้
ลิงเจ้าป่าฟังแล้วก็ดีใจ วิ่งตามไป ไม่มองหน้ามองหลัง
กระโดดเข้าไปคว้าชิ้นเนื้อ บ่วงก็ตวัดรัดคอลิงเอาไว้ ลิงกลายเป็นเหยื่อของพรานไปทันทีนั้น
ลิงตัดพ้อหมาจิ้งจอกว่า ไม่น่าจะลวงกัน หมาจิ้งจอกได้ทีเยาะเย้ยว่า เมื่อท่านไม่มีความรอบคอบ ก่อนตัดสินใจทำอะไร
ก็ไม่ควรเป็นเจ้าแห่งป่าอีกต่อไป
นิทานเรื่องนี้จบลงตรงสอนให้รู้ว่า แม้การเป็นเจ้าป่านั้น จะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม หากยังมีความประมาท ก็พบกับความหายนะได้
|