บุคลากร บริการLinks

ของขวัญ

 กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวช่างทำขนมปังครอบครัวหนึ่ง 
มีลูกสามคน ลูกคนโตชื่อชำนาญ คนรองชื่อปรีชา และน้องคนเล็ก ชื่อนิดา
บ้านนี้มีพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว มีแม่เป็นแม่บ้าน และทั้งหมดก็อยู่กันอย่างมีความสุข
 
ในวันคริสตมาสปีหนึ่ง พ่อก็บอกกับลูกทั้งสามคนมาหา แล้วว่า
“พวกเจ้าทั้งสามจงฟัง ต่อไปพ่อจะให้ของขวัญกับพวกเจ้าคนละชิ้น …
เจ้าจงใช้ของขวัญที่พ่อให้ เพื่อกิจการร้านขนมปังของเรา ...เจ้าเข้าใจไหม”
ทั้งสามพยักหน้ารับ พ่อจึงเริ่มจาก เรียกลูกชายคนแรกให้เข้าไปหา แล้วหยิบกล่องของขวัญใบใหญ่ให้
“จงใช้มันให้เป็นประโยชน์ เพื่อร้านของเรานะ”
พ่อย้ำอีกครั้ง แล้วส่งกล่องของขวัญให้ ชำนาญรับมันมา ก็ค่อยๆ เปิดกล่องของขวัญออก 
และสิ่งที่อยู่ในกล่องคือ....
- เครื่องคิดเลข ซุปเปอร์บัญชีดิจิตอล -
 
มันเป็นเครื่องคิดเลขสุดยอดที่สามารถคำนวณ และทำบัญชีให้เสร็จสรรพ 
นอกจากนั้นยังสามารถคิดวางแผนการตลาด กำหนดกำไรขาดทุนได้ในชั่วพริบตา
...เป็นเครื่องมือในฝันของนักบัญชีทุกคน
 
ชำนาญรับมันมา แล้วหันไปยิ้มให้กับผู้เป็นพ่อ
“ขอบคุณมากครับ ...ผมจะใช้มันทำให้ร้านของเราร่ำรวย”
 
ตั้งแต่นั้นมา ชำนาญจึงใช้เครื่องคิดเลขของเขา ช่วยร้านจัดทำบัญชี จนไม่มีเงินขาดตกแม้แต่สลึงเดียว 
ใช้มันวางแผนการตลาด ลดราคาขนมปัง รวมไปถึง ใช้มันสร้างกำไรให้กับร้านได้อย่างมหาศาล
จนพ่อถึงกับออกปากชมว่า
“ดีมากลูก ...เจ้าเป็นลูกที่พ่อภูมิใจ”
 
แล้วพ่อก็เรียกน้องคนรองเข้าไปหา แล้วหันไป หยิบกล่องของขวัญขนาดย่อมออกมา ส่งให้
“จงใช้มันให้เป็นประโยชน์กับร้านเรานะ”
พ่อย้ำอีกครั้ง ก่อนจะส่งกล่องให้ปรีชา ปรีชาเปิดกล่องออกด้วยความอยากรู้
ว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องคืออะไร และสิ่งที่อยู่ในกล่องคือ....
- เมจิกคอมพิวเตอร์ แพลตตินั่มโฟร์ 5 ล้านจิ๊กกาไบท์ -
มันเป็นสุดยอดคอมพิวเตอร์วิเศษ สามารถเนรมิตภาพสวยงามให้ออกมาเป็นของจริงได้ในชั่วพริบตา 
สามารถรังสรรค์ภาพที่สวยงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถือเป็นสุดยอดคอมพิวเตอร์ที่นักออกแบบทุกคนต้องการ
 
ปรีชายิ้มรับ แล้วหันไปบอกกับพ่อ
“ขอบคุณครับ ...ผมจะใช้มันเพื่อร้านของเรา”
และตั้งแต่นั้นมา ปรีชาใช้คอมพิวเตอร์ของเค้า สร้างป้ายชื่อร้านขนาดใหญ่ 
ที่สามารถมองเห็นได้ไกลหลายร้อยกิโล เขาเนรมิตภาพขนมปังที่ชวนน้ำลายไหลมาตกแต่งร้าน
และใช้มันเปลี่ยนร้านให้สวยงามน่านั่ง จนพ่อถึงกับออกปากชมว่า
“ดีมาก ...เจ้าเป็นลูกที่พ่อภูมิใจ”
 
แล้วก็มาถึงนิดา โดยไม่ต้องรอให้พ่อเรียก นิดารีบวิ่งไปนั่งอยู่ตรงหน้าพ่อด้วยใจจดใจจ่อ
ดวงตาของเธอมองไปข้างหลังผู้เป็นพ่อ ด้วยหวังจะเห็นของขวัญของเธอ แม้ซักนิดก็ยังดี
“นิดา ...พ่อจะให้ของขวัญลูกเหมือนกัน ...จำไว้นะ ...จงใช้มันเพื่อร้านของเรานะลูก”
 
พ่อหันไปหยิบกล่องของขวัญมาให้ ...แม้มันจะดูเล็กกว่าของพี่ๆ
แต่จากที่ได้เห็นพี่สองคนได้ไป นิดาคิดฝันไปว่า เธอต้องได้สิ่งที่วิเศษที่สุดแน่ๆ
...พอพ่อส่งมาให้ นิดารีบแกะดูด้วยใจตื่นเต้น ...และสิ่งที่อยู่ในกล่องคือ....
- ร่มกันฝน 1 คัน -
 
มันคือ ....ร่ม ...ร่มธรรมาดาที่สามารถหาได้ตามท้องตลาด ทำด้วยผ้าใบ กับก้านเหล็ก
มีระบบสปริงที่ทำให้สามารถกางออกได้ง่ายขึ้น แค่นั้นจริงๆ
นิดาอึ้งไปหลายวัน เธอนั่งพินิจ พิจารณาสิ่งที่เธอได้รับมา แต่จะดูยังไง ดูกี่ที ตีลังกาดู ....มันก็คือ “ร่ม”
 
“พ่อใจร้าย!! บ้าที่สุด” นิดาเขวี้ยงร่มลงกับพื้น “ทำไมพี่สองคนได้แต่ของดีๆ มีประโยชน์
แต่หนูกลับได้ร่มแค่คันเดียว ...พ่อไม่รักหนู!!”
นิดาคิดได้แบบนั้น ก็ไม่สนใจใยดีของขวัญที่พ่อให้ แล้วเดินหน้ามุ่ยไปหาคุณแม่ของเธอที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในครัว
นิดาปีนขึ้นไปบนตักของคุณแม่แล้วฟ้องแม่
“แม่ขา พ่อไม่รักหนู ...พ่อรักพวกพี่มากกว่าหนู”
 
“ทำไมล่ะจ๊ะ ...ลูกถึงคิดว่าพ่อไม่รัก”
 
“ก็พ่อให้ของขวัญพี่ๆ แต่ละคน เป็นของที่มีประโยชน์ แล้วก็ทำให้ร้านของเราเจริญขึ้นได้ทั้งนั้น 
แต่หนูกลับได้ร่มที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ...แล้วหนูจะทำเพื่อร้านอย่างที่คุณพ่อพูดได้ยังไงล่ะคะ
 
แม่ได้ฟังนิดาตัดพ้อก็ยิ้ม เธอลูบหัวนิดาอย่างเอ็นดู
 
“ไม่จริงหรอกจ้ะ ...พ่อรักลูกทุกคนเท่ากัน ...และพ่อคงรู้แล้วว่าของสิ่งนี้เหมาะกับลูกที่สุด 
ถึงได้ให้มันกับลูกไง ...แทนที่ลูกจะมัวสนใจว่ามันคืออะไร ...
ทำไมลูกไม่ลองคิดดูล่ะ ว่าลูกจะทำอะไรกับมัน เพื่อร้านของเราได้บ้าง”
 
นิดาได้ฟังก็คิด เธอเดินจากคุณแม่ กลับมาหาร่มคันนั้นที่ยังอยู่ที่เดิม ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
แล้วนั่งคิดถึงมัน นิดาคิด คิด แล้วก็คิด ...และนั่น ก็ทำให้เธอได้ความคิดบางอย่าง
นิดาเอาชื่อร้านมาติดให้ทั่วร่ม แล้วเริ่มเดินออกไปทั่วเมือง
ผู้คนที่ได้เห็นเด็กตัวเล็กๆ ถือร่มสีสดใสเดินมากลางแดด ก็เข้ามาทักทายด้วยความเอ็นดู
นิดาจึงถือโอกาสนั้น พูดถึงร้านของเธอให้ชาวบ้านได้ฟัง
นั่นทำให้ร้านของเธอเป็นที่รู้จักมายิ่งขึ้น และในวันที่มีฝนตก
นิดาก็ใช้ร่มของเธอ พาลูกค้าไม่ส่งที่รถ ทำให้ขนมปังไม่เปียก
และลูกค้าก็ซึ้งในน้ำใจและความน่ารักของนิดา จนกลายมาเป็นขาประจำกันทุกคน
ร้านขนมปังขายดีขึ้นกว่าเก่าทันตาเห็น พ่อก็พูดกับนิดาว่า
 
“นิดา ...พ่อรู้อยู่แล้วว่าลูกฉลาด และเก่งกว่าพี่ๆ ด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือ พ่อภูมิใจในตัวลูกที่สุดเลย...รู้ไหม”
 
ตั้งแต่วันนั้นมา นิดาไม่เคยหาว่าพ่อลำเอียง หรือรักพี่ๆ มากกว่าอีกเลย
เธอได้รู้แล้วว่า แม้เธอจะเป็นเด็กตัวเล็กๆ กับร่มธรรมดาๆ แค่คันเดียว 
เธอก็สามารถทำให้พ่อของเธอภูมิใจในตัวเธอได้เช่นกัน 
 
 
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
 
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน ... และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด