บุคลากร บริการLinks

 เพลงเพื่อพ่อ

ท่ามกลางเเสงเเดดจ้า  และผู้คนที่ขวักไขว่ ของตลาดนัดสวนจตุจักรในวันหยุดสุดสัปดาห์   เสียงจอเเจจากร้านค้าต่างๆ     วุ่นวายสับสนปนเปไปหมด  หากแต่มีเสียงหนึ่งซึ่งผิดเเผกเเตกต่างไปจากเสียงอื่นๆ  …     เสียงนี้มันช่างไพเราะ นุ่มลึก ฟังแล้วรู้สึกถึงอารมณ์คนร้องได้เป็นอย่างดี       ถึงแม้ว่าเสียงร้องนี้  จะไม่มีเครื่องดนตรีอื่นเป็นองค์ประกอบ         แต่มันก็ทำให้คนที่เดินไปมา หรือได้ยินชะงักงันได้

เสียงร้องอันก้องกังวาลของเด็กหนุ่มไม่เพียงแค่สะกดคนเดิน หรือผู้คนแถวนั้นเท่านั้น       หากแต่ยังมีความหมายและความสำคัญที่เป็นแสงสว่าง สุกใสสวยงามนำทางแห่งชีวิต ให้กับผู้เป็นพ่อที่มองไม่เห็นของเด็กหนุ่มด้วย . . .
นอกจากน้ำเสียงจะสามารถสะกดผู้คนได้แล้ว ภาพของ จุฬา หรือ ฬา   เด็กหนุ่มรูปร่างกำยำผิวคล้ำวัย 14 คนหนึ่ง เดินจูงมือ บุญมี ชายวัยปลายกลางคนที่ตาบอด แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้น     ก็สามารถสร้างความประทับใจของคนที่ได้พบเห็นเช่นกัน

หลายคนอาจสงสัยและอยากรู้ว่า ทำไมเด็กหนุ่มอย่างเขาไม่อายบ้างหรือ? ที่มาเดินร้องเพลงขอเงินแบบนี้ แถมยังจูงมือชายตาบอด มองไม่เห็นด้วย … จุฬา บอกว่าเขาไม่อาย       และเขาก็เต็มใจที่จะจูงมือคนตาบอดที่เป็นพ่อของเขา เดินไปพร้อมๆ กับเขา ... เขาแค่หวังว่าวันหนึ่งจะมีเงินเลี้ยงพ่อได้ และให้พ่อไม่ลำบากแค่นี้เขาก็พอใจแล้ว  

" ผมไม่เคยอายใคร ไม่เคยคิดจะอายเลยเพื่อนๆ ผมก็รู้ว่าผมมาทำอะไรที่นี่ ผมภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือพ่อ"  
เด็กหนุ่มเล่าว่าเขาจูงมือพ่อร้องเพลงหารายได  ้เพื่อประทังชีวิต ตั้งเเต่อายุ 5ขวบแล้ว             "ผมเป็นคน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่ผมร้องเพลงได้เพราะอาศัยฟังเอาไม่เคยไปฝึกที่ไหน   ปัจจุบันผมไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ต้องหาเงินช่วยพ่อ เราพักอยู่ที่สมุทรปราการจะมาที่นี่วันเสาร์-อาทิตย์   นั่งรถเมล์มาจากที่นั่น    กว่าจะได้กลับก็ราวๆ 6 โมงเย็น อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นสายตาพ่อก็ปกติดี   แต่วันหนึ่งพ่อปวดหัว พ่อเลยไปที่อนามัยสลบไปเป็นวัน หมอให้น้ำเกลือ และบอกว่าพ่อเป็นโรคมาลาเรียลามขึ้นสมอง และพอพ่อฟื้นขึ้นมา พ่อก็ปวดตา     ซึ่งหมอบอกว่าเชื้อมาเลเรียมันออกทางตาถ้ามันไม่ออกก็ตายไปแล้ว     จากนั้นตาก็พร่า มองไม่เห็นอะไรอีก ดูเหลืองๆ ไปหมด ไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร รักษาที่โรงพยาบาลนครราชสีมา 2 เดือน ที่โรงพยาบาลประสาทวิทยา อีก 2 เดือนก็ไม่หาย"   จุฬาได้เล่าเรื่องของพ่อ เขาให้ฟัง ขณะที่เล่าเขาก็ยังคอยกุมมือพ่อไว้ไม่ห่าง พร้อมๆ กับจ้องมองหน้าพ่อด้วยความรัก
 อย่างไรก็ตามช่วงที่สัมภาษณ์จุฬานั้น ทีมงานได้สังเกตเห็นสายตาที่มุ่งมั่น     หากเเต่เเฝงไปด้วยความอ่อนโยนเวลาที่จุฬาจ้องมองพ่อ ถึงเเม้ว่าบุญมีผู้เป็นพ่อจะไม่มีวันได้เห็นเวลาที่เขาจ้องมอง  เเต่ความรู้สึกนั้น           สามารถข้ามกำเเพงเเห่งความพิการเข้าตรงไปสู่กลางหัวใจของผู้เป็นพ่อได้อย่างไม่ต้องสงสัย . เพราะดูได้จากรอยยิ้มเต็มใบหน้า แล้ว   มันเป็นเสมือนเครื่องบอกสัญญาณแห่งความภูมิใจในลูกชายคนนี้

สำหรับรายได้จากการร้องเพลงที่เเลกมานั้น จุฬา บอกว่า ก็พอที่จะเลี้ยงตัวเองได้   เเต่ก็ไม่ได้เหลือเก็บอะไร   เพราะบางส่วนยังต้องนำไปใช้หนี้ ในส่วนของสภาสังคมสงเคราะห์อีกกว่า 2 หมื่นบาท

" ผมอยากเรียน ผมตั้งใจที่จะเรียน กศน. ยังอยากที่จะเรียนอยู่ เเต่ต้องดูเเลพ่อก่อน"

บุญมีถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยินในสิ่งที่ลูกชายเอ่ย ก่อนจะกล่าวว่า   " พ่อภูมิใจที่เค้าเลี้ยงดูพ่อ   พ่ออยากเก็บเงินได้ซักก้อน พ่อจะขายลอตเตอรี่ เค้าจะได้เรียน พ่อรักเค้ามาก    เค้าเป็นเหมือนเเสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด มีอะไรหรือจะไปไหนก็ได้เค้าช่วยเหลือตลอด"

"พ่ออยากฝากถึงคนที่มีร่างกายปกติที่ท้อเเท้ใจหมดกำลังใจต่อสู้ ให้สู้ต่อเถอะครับ พ่อพิการพ่อยังสู้เลย    โลกนี้ยังน่าอยู่เยอะ   หาได้ไม่เคยเหลือก็สู้   ยังมีความสุขที่ได้ต่อสู้  ถ้ายังหาอยู่  อยากกินอะไรก็จะได้กิน ถ้าไม่หาเราก็อด  ญาติพี่น้องไปพึ่งพาเค้ามาก   เค้าก็รำคาญ เราสู้ด้วยตัวเองดีกว่า" นี่เป็นคำพูดทิ้งท้ายเเบบซื่อๆ ของบุญมี 

อดไม่ได้ที่จะคิดถึงวัยรุ่นอีกมากมาย ที่ใช้จ่ายเงินไม่คุ้มค่า เอาเงินไปเที่ยวเตร่ ขณะที่วัยรุ่นอีกหนึ่งคนกำลังร้องเพลง เพียงเเลกเศษเงิน เพื่อนำมาดูแลให้อีกหนึ่งชีวิตดำรงชีพอยู่ได้ในเเต่ละวัน โดยไม่มีเเม้เเต่เครื่องดนตรีใดๆ ….     วันข้างหน้า หากเพื่อนๆ มีโอกาสได้พบจุฬาเเละพ่อ มีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขา แล้วคุณจะได้สัมผัสกับคำว่า " รักและกตัญญู" ที่ลูกคนหนึ่งจะมอบให้พ่อได้ และจะรู้ว่าความหมายของคำว่า รักและกตัญญูต่อพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน