เรื่องน่าอ่าน       รายการมิสซาประจำสัปดาห์

บทสนทนาจากเจ้าอาวาส

สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน

อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ มีหลายอย่างเหลือเกินเกิดขึ้นในความรู้สึกของพ่อและพ่อเชื่อว่าพี่น้องบางคนอาจมีความรู้สึกร่วมกับพ่อด้วยเหมือนกัน เป็นความรู้สึกที่ดี และควรบันทึกไว้เป็นเกียรติและเป็นประวัติศาสตร์เล็กๆ ในสารวัดของเราว่า พระคุณเจ้าอันโตนีโอ มัตตีอัสโซ (EXC. ANTONIO MATTIAZZO) พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑล ปาดัว อิตาลี ให้เกียรติมาถวายมิสซาให้กับเรา เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 12 มกราคม 2009 และพี่น้องก็มาร่วมต้อนรับพระคุณเจ้าและขอพรจากพระคุณเจ้า อย่างมากมาย อบอุ่น ซึ่งพระคุณเจ้าเองก็ประทับใจมากและขอบคุณพี่น้องจากก้นบึ้งของหัวใจของท่าน นี่เป็นคำพูดแรกที่พระคุณเจ้ากล่าวกับพี่น้องในคืนนั้น

พ่อรู้สึกว่า ความเป็นพี่น้องกันในพระศาสนจักร ในครอบครัวเดียวกันอย่างนี้ เป็นความรู้สึกที่มีพลังและบันดาลใจ อันที่จริง พ่อเองได้เปรียบมากกว่าใครๆ เพราะมีโอกาสได้สนทนากับพระคุณเจ้ามากกว่า ได้เรียนรู้สิ่งที่มีคุณค่ามากมาย บางอย่างพ่อเองก็ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้จริงๆ เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดภายใน หรือทัศนคติอะไรทำนองนั้น
 

การที่ได้มีโอกาสต้อนรับพระสงฆ์ฤาษีคณะเบเนดิกตินจากเวียดนาม3องค์ ก็เป็นความประหลาดใจที่มีบุญโดยไม่คาดคิดมาก่อน หนึ่งในนั้นคือคุณพ่อ Stephen ซึ่งเป็น Abbot หรืออธิการของคณะฯ ในเวียดนาม แม้จะสื่อสารกันได้ไม่มากนัก เพราะท่านพูดแต่ภาษาฝรั่งเศส แต่พ่อก็รู้สึกได้ถึงความประทับใจที่พวกท่านทั้งหมดมีอยู่ตลอดเวลาที่อยู่กับเรา พ่อคิดว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่อีกไม่ช้าจะมีอารามของคณะเบเนดิกตินเกิดขึ้นในเมืองไทยของเรา อันที่จริงโดยส่วนตัว พ่อเองก็ผูกพันอยู่กับคณะเบเนดิกตินนี้ไม่น้อย เพราะพ่อเคยใช้เวลา 3 ปีที่กรุงโรม เรียนเทววิทยาด้านศีลศักดิ์สิทธิ์ โดยเรียนในสถาบันคณะเบเนดิกตินนี่เอง โอกาสนี้จึงทำให้พ่อมีความรู้สึกที่ดีจริงๆ
 

พ่อขออภัยที่วันนี้ พ่อเอาแต่พูดถึงความรู้สึกต่างๆ แต่เพราะการพูดถึงความรู้สึก บางครั้ง มันสามารถแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของผู้คนได้ง่าย และมันมีค่าต่อตัวผู้ที่พูดเอง อีกทั้ง บางทีความรู้สึกของคนเรา ก็มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดๆ

วันที่พ่อไปร่วมพิธีปลงศพคุณแม่ของคุณพ่อประสารที่บางบัวทอง คือเมื่อวันพุธที่แล้ว ก็เป็นวันที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง สิ่งต่างๆ ในอดีตตลอดเวลาเกือบ 5 ปี ที่พ่อทำหน้าที่อยู่บางบัวทอง ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงพื้นที่รวมถึงวิถีของชาวบ้านรอบวัด ก็ปรากฏขึ้นมาในความทรงจำ พ่อยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและความเสียสละของบรรดาสัตบุรุษในเวลานั้น แต่ความร่วมมือกันก็ช่วยให้ทุกอย่างผ่านไป วันนั้น พ่อฟังบทอ่านที่สองของมิสซาปลงศพ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ เพราะมันกินใจเหลือเกิน ทั้งๆ ที่พ่อก็ฟังมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

“อะไรจะพรากเราจากความรักของพระคริสตเจ้าได้”

ความเชื่อเท่านั้นที่จะสามารถทำให้คนเราพูดคำเหล่านี้ออกมาได้ นั่นคือ ไม่ว่าความทุกข์ยากในรูปแบบใดๆ ก็จะไม่สามารถทำให้เราหมดความหวังหรือสงสัยในความรักของพระคริสตเจ้าได้เลย อันที่จริง พ่อยังคิดว่า โดยเฉพาะในเวลาที่เราสัมผัสกับความยุ่งยากลำบากหรือความทุกข์ใดๆ นั่นแหละ เรากลับจะรู้สึกได้ง่ายกว่าว่า พระเจ้านั้นอยู่เคียงข้างเรา และความรู้สึกนั้นจะทำให้เราตื้นตันและมีพลังอย่างประหลาดในการเผชิญกับทุกสิ่ง พ่อสงสัยว่า ถ้าคนเรามีแต่ตนเอง และปราศจากพระเจ้าแล้ว เขาจะรู้สึกโดดเดี่ยวแค่ไหน

พ่อสุรสิทธิ์