ถ้วยกาลิกส์


ร้านของชาวยิวคนหนึ่งขายถ้วยกาลิกส์ ชาม และถ้วยเหล้าวางอยู่บนหิ้ง อีกด้านหนึ่งมีถ้วยกาลิกส์ไม้ที่สวยงามวางอยู่ข้าง ๆ ชามทองคำ

“เจ้าช่างเป็นสิ่งไร้ค่าจริง ๆ” ชามทองคำเย้ยหยันถ้วยกาลิกส์ไม้ “แม้แต่ขอทานก็ยังไม่คู่ควรกับเจ้า”

ถ้วยกาลิกส์เงียบ ไม่ตอบสักคำ

ขณะนั้นเอง มีลูกค้า 2 คน เดินมาในร้าน คนหนึ่งเป็นเศรษฐีชาวโรมัน อีกคนเป็นชาวประมงผู้ยากจน ชายเศรษฐีซื้อชามทองคำ ขณะที่ชาวประมงซื้อถ้วยกาลิกส์ไม้

ต่อมา มีผู้นำถ้วยกาลิกส์ไปไว้ที่ห้องใหญ่ชั้นบน ขณะที่อยู่บนโต๊ะอาหาร ถ้วยกาลิกส์สัมผัสความอบอุ่นจากมือของชายผู้ที่จับถ้วย หลังจากเหล้าองุ่นถูกเทลงในถ้วยกาลิกส์ได้ยินวาจาที่แปลกประหลาดจากชายผู้หนึ่ง “นี่คือโลหิตของเรา จงดื่มเถิดเพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา” ถ้วยกาลิกส์จำชายนั้นได้ ร้องไห้ เพราะตนกำลังรองรับรับพระโลหิตของพระคริสต์

วันรุ่งขึ้น ชามทองคำมองเห็นตัวเองอยู่ที่จวนปิลาตและรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นสมบัติของเศรษฐีผู้มีอำนาจ ชามทองคำคิดถึงความแตกต่างระหว่างตนเองและถ้วยกาลิกส์ไม้ ตนเองนั้นช่างมีค่าและมีผู้นำมาใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ดีกว่าการเป็นเพียงถ้วยให้ชาวประมงจน ๆ ได้ดื่ม

ชามทองคำได้สัมผัสมือของทาส และเห็นตัวเองถูกนำมาอยู่ต่อหน้าปิลาต มือของผู้ว่าราชการวางอยู่บนขอบชามและมีน้ำเทลงมา น้ำที่ล้างมือของปิลาตไหลลงไปในชามทองคำ

ปิลาตพูดกับประชาชนหลังจากที่เขาตัดสินลงโทษพระคริสต์โดยการตรึงกางเขน

“ฉันล้างมือของฉันให้พ้นมลทินจากบาปของชายคนนี้”

ชามทองคำยินดีมาก บอกว่า สิ่งนี้เป็นอภิสิทธิ์สำหรับตนที่ได้ใส่น้ำซึ่งล้างมือของปิลาต

ชามทองคำหารู้ไม่ว่า น้ำนั้นมีมลทินของความอยุติธรรม ความขลาดและความหยิ่งจองหอง เป็นน้ำแห่งบาปผิด ซึ่งจะถูกจารึกไว้ตลอดไป

ข้อคิด“คุณค่าของชีวิตเราไม่ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นใคร แต่ขึ้นอยู่กับว่าเรามีชีวิตเพื่ออะไร”

จาก..หนังสือเมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ เล่ม3