เรื่องน่าอ่าน       รายการมิสซาประจำสัปดาห์

สวัสดีครับ พี่น้องที่รักทุกท่าน

คนบางคนที่อยู่ในสังคมเดียวกับเรา เมื่อเราเห็นว่า เขาทำอะไรเพี้ยนๆ ผิดแปลกไปจากวิถีการดำเนินชีวิตสามัญทั่วไปมากๆ  เรามักจะเรียกเขาว่า “คนบ้า” ที่จริงคนบ้าคงมีหลายประเภท หลายระดับสุดแล้วแต่ พ่อไม่มีความรู้พอจะแยกแยะออกได้ แต่สำหรับพ่อแล้ว คนบ้าจำนวนมาก ไม่ใช่ “คนโง่” ยังมีความคิดอ่าน ยังรู้จักใช้เหตุผล บางครั้งสามารถแก้ปัญหาที่น่าปวดหัวได้ดีอย่างคาดไม่ถึง

ชายคนหนึ่ง ต้องจอดรถอยู่ข้างโรงพยาบาลคนบ้า เพราะยางเส้นหนึ่งแตก จึงต้องเปลี่ยนล้อ ขณะที่กำลังเร่งรีบจัดการอยู่นั้น บังเอิญไปเขี่ยเอาน๊อตทั้งสี่ของล้อนั้นตกลงไปในคลอง ไม่รู้จะทำยังไง นั่งหงุดหงิดหัวเสียอยู่ข้างรถ คนบ้าคนหนึ่ง มองดูอยู่ตลอด ที่สุดจึงไปที่ข้างรั้ว แล้วบอกกับชายคนนั้นว่า
“คุณน่าจะไปถอดน๊อตจากล้อที่เหลือล้อละตัว คุณจะได้น๊อต 3 ตัว แล้วเอามาใส่ให้กับล้อที่กำลังเปลี่ยนอยู่ คงพอวิ่งไปถึงอู่ไหนสักแห่ง แล้วค่อยซื้อน๊อตอีก 4 ตัวใส่ให้เต็ม” ด้วยความแปลกใจในคำแนะนำที่ฉลาดนั้น ชายคนนั้นจึงถามว่า “คุณเป็นคนบ้าไม่ใช่หรือ” คำตอบสวนออกมาว่า “ผมอาจจะบ้า แต่ไม่โง่”

อันที่จริง พ่อคิดว่า คนบ้าเป็นเพียงคนที่กักขังตัวเองอยู่ในโลกแคบๆ หรือความคิดอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็ในความรู้สึกบางอย่าง จนไม่สามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติกับความเป็นจริงรอบตัว เราจึงเห็นว่า เขากระทำอะไรแปลกๆ เพี้ยนๆ ไม่สอดคล้องกับผู้คนทั่วไป เรื่องเล็กอาจเป็นเรื่องใหญ่ ของคนบ้าได้ และเรื่องไร้สาระหรือไร้ความจริง ก็อาจเป็นเรื่องสำคัญยิ่งและเป็นจริงเป็นจังของคนบ้าได้ มันคล้ายกับไม่มีเหตุผล แต่ที่จริง เขากำลังใช้เหตุผลแต่อยู่ในโลกส่วนตัวของเขาเท่านั้น ถ้าในสังคม มีคนบ้าที่ฉลาดร้าย เป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ

บางครั้ง เราเองอาจไม่ถึงขั้นที่ถูกเรียกว่าคนบ้า แต่ความบ้าบางอย่างมันก็ค่อยๆ เพาะบ่มอยู่ในชีวิตของเราก็ได้ ในความหมายที่ว่า เรากำลังกักขังตัวเองให้จมอยู่ในโลกแคบๆ ส่วนตัวของความคิด จินตนาการ หรือความรู้สึกบางอย่าง จนมันสามารถกำหนดพฤติกรรมอันไม่สร้างสรรค์ หรืออันไม่นำความสุข ความเจริญ มาสู่ชีวิตของตนและของสังคมได้

มีนักคิดคนหนึ่งเขียนข้อความที่ชวนคิดไว้ดังนี้

“บ้าหรือเปล่า”

ที่เกลียดดอกกุหลาบทั้งหมด

 

เพียงเพราะถูกหนามกุหลาบดอกเดียวทิ่มแทง

“บ้าหรือเปล่า”

ที่ล้มเลิกความฝันทั้งหมด

 

เพียงเพราะว่าฝันหนึ่งไม่เป็นจริง

“บ้าหรือเปล่า”

ที่สูญสิ้นศรัทธาในการสวดภาวนา

 

เพียงเพราะคำขอหนึ่ง ไม่ได้รับการตอบสนอง

“บ้าหรือเปล่า”

ที่ล้มเลิกความพยายามทั้งหมด

 

เพียงเพราะบางสิ่งล้มเหลว

“บ้าหรือเปล่า”

ที่โทษเพื่อนและเลิกคบเพื่อนทั้งหมด

 

เพียงเพราะเพื่อนคนหนึ่งทรยศ

“บ้าหรือเปล่า”

ที่ไม่เชื่อในความรักอีกต่อไป

 

เพียงเพราะบางคนไม่ซื่อสัตย์หรือไม่รักตอบ

“บ้าหรือเปล่า”

ที่โยนโอกาสที่มีความสุขทั้งหมดทิ้งไป

 

เพียงเพราะไม่ประสบความสำเร็จในโอกาสแรกที่

จงระลึกไว้เสมอว่า

โอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่า เพื่อนใหม่ หรือความรัก หรือความเข้มแข็ง

 

และความสุขนั้นพบได้ทุกวัน

จงระลึกไว้เสมอว่า

“การล้มเลิกก็คือหนทางนำไปสู่ความล้มเหลวนั่นเอง”

 

 

(จากเวปไซต์ของวัด : Presentation หน้า 5 เรื่อง “บ้าหรือเปล่า”)

การปลดปล่อยตนเอง จากที่กังขังในโลกส่วนตัว ออกมาสู่อิสระและความจริง บางครั้งก็เจ็บปวด เพราะความจริงบางอย่างก็คือความผิดบาปที่ได้กระทำ แต่การเผชิญกับความจริงเท่านั้น คือการแก้ไขและนำไปสู่ความสุข      นักบุญยอห์นบัปติสจึงสอนเรื่องการกลับใจ ตรงกับความหมายของประกาศกอิสยาห์ที่พูดถึง “การประกาศข่าวดีแก่คนอนาถา ปลอบโยนคนที่ชอกช้ำ ป่าวประกาศอิสรภาพแก่เชลย การปลดปล่อยผู้ถูกคุมขัง” (อสย.61:1-2)

ฉะนั้น เราเองจงเป็นพยานถึงแสงสว่างแห่งการปลดปล่อยเช่นเดียวกับท่านนักบุญยอห์น นั่นคือให้โอกาสตนเองในการกลับใจ ออกมาสู่ชีวิตที่เป็นจริง และเป็นอิสระจากบาป

พ่อสุรสิทธิ์