เรื่องน่าอ่าน       รายการมิสซาประจำสัปดาห์

สวัสดีครับ พี่น้องที่รักทุกท่าน...

“วันแม่” น่าจะเป็นวันหนึ่งของปีที่มีความหมายต่อจิตใจ และให้ความสุข ทั้งสำหรับผู้เป็นแม่และผู้เป็นลูก แต่พ่อได้เรียนรู้จักชีวิตของหญิงคนหนึ่ง ซึ่งพอถึงวันแม่ทีไร กลับมีจิตใจที่หดหู่ ซึมเศร้า บางเวลาถึงกับน้ำตาซึมออกมาเองโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่เป็นเพราะแม่ของตนตายจากไปแล้ว ซึ่งบางทีในใจอาจคิดว่าถ้าแม่ตายจากไปจริงๆ คงดีกว่า แต่เป็นเพราะคิดถึงแม่ที่ไร สิ่งที่ผุดขึ้นในใจก็คือความเจ็บช้ำน้ำใจที่เกิดขึ้นในอดีต ด้วยความรู้สึกที่แม่ไม่รักตนเอง หรือรักน้อยกว่าลูกคนอื่น หรือไม่ได้รับความยุติธรรมอะไรทำนองนั้น ทำให้จนถึงวันนี้ มีแต่น้ำตาที่เจ็บแค้นแม่ ไม่อาจไปหาแม่และกอดแม่และไหว้แม่ได้ เธอเล่าว่า ทุกวันนี้ได้แต่พยายามให้ความรักกับลูกๆ เธอทุกคน อย่างเท่าเทียม แต่ใครจะรู้ได้ว่า เท่าเทียมในความรู้สึกของลูกแต่ละคนนั้น มีมาตรฐานอยู่ตรงไหน สิ่งที่พ่อเรียนรู้ก็คือ ในใจลึกๆ ของลูกทุกคน อยากให้แม่รัก และอยากจะรักแม่ สิ่งที่อาจเป็นอุปสรรคขวางกั้นความรักนี้คือ อดีตที่เจ็บช้ำที่ตามหลอกหลอนอยู่ในปัจจุบัน

บางครั้ง เรามนุษย์ก็ลืมความจริงบางอย่างไปว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงปัจจุบันให้เป็นอดีตที่สวยงามของอนาคต

พ่อเชื่อว่า เราทุกคน ล้วนมีอดีตอันเลวร้ายฝังอยู่ในความทรงจำ โดยเฉพาะสิ่งที่ถูกกระทำจากคนอื่น คิดขึ้นมาทีไร มันเจ็บแสบแปลบๆใจทุกที แต่ที่ร้ายอยู่ที่ผลของมัน ทำให้เราหงุดหงิดง่ายและขาดเหตุผล จนทำให้การมีชีวิตร่วมกันในสังคมเปราะบางและแตกหักง่าย แล้วก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นกับใครทั้งนั้น

สำหรับพ่อแล้ว “ฉลองวัด” ก็เหมือนกับวันแม่ ควรเป็นวันที่มีความหมายและให้ความสุข เพิ่มเติมความหมายและความสุขให้กับชีวิตดีกว่าเป็นไหนๆ ไม่ใช่เอาแต่ขุดคุ้ยอดีตขึ้นมาหลอกหลอนและทำร้ายตัวเอง ฉลองวัดเป็นเวลาทบทวนชีวิตที่รู้จักให้อภัยกับอดีต และสร้างความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนมนุษย์ในสังคมมากขึ้น

ในปี 1976 ที่เมือง Spokane รัฐ Washington อเมริกา มีการจัดการแข่งขันให้เด็กด้อยโอกาส เช่นเด็กดาวน์ซินโดรม เรียกว่า โอลิมปิกพิเศษ ในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตร มีเด็ก 9 คนเข้าแข่งขัน เมื่อเสียงสัญญาณดังขึ้น ทุกคนเริ่มวิ่ง สักครู่หนึ่ง เด็กน้อยคนหนึ่งล้มลง แล้วเริ่มร้องไห้ เมื่อได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องไห้ เด็กหญิงสองคนที่เข้าแข่งขัน มองหน้ากันแล้วหยุดวิ่ง หันกลับไปหาเด็กน้อยที่ล้มลงนั้น สวมกอดแล้วประคองให้ลุกขึ้น เด็กสามคน ประคองกันเดินเข้าเส้นชัย แม้จะรั้งท้าย แต่ผู้ชมทั้งสนามเงียบเหมือนถูกมนต์สะกด ก่อนที่จะมีเสียงปรบมือสนั่นกึกก้อง ให้กับภาพการแข่งขันที่สวยงามที่สุดที่มีโอกาสได้เห็น ทุกคนได้บทเรียนว่า สิ่งสำคัญสำหรับชีวิต มีมากกว่าเรื่องการเอาชนะเพื่อตนเอง  นั่นคือ การช่วยคนอื่นให้ได้ชัยชนะ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยการเสียสละและการเปลี่ยนแปลงตนเอง

ที่สุดเราก็ต้องกลับไปเริ่มต้นตั้งหลักจากความคิดที่มีอยู่แต่เดิมว่า “การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ คือการต่อสู้กับตัวเอง” ฉะนั้น การกลับใจย่อมเกิดขึ้นจากการต่อสู้เสมอ มิใช่จะได้มาโดยง่าย และคุณค่าของการกลับใจยิ่งใหญ่กว่าทรัพย์สมบัติใดๆ เพราะไม่มีสิ่งใดสามารถซื้อจิตใจมนุษย์ได้

 

                          พ่อสุรสิทธิ์