สวัสดีครับ พี่น้องที่รักทุกท่าน...

เรื่องน่าอ่าน

รายการมิสซาประจำสัปดาห

ถ้าพี่น้องสังเกต หน้าประตูทางเข้าโรงเรียน เพิ่งมีป้ายประกาศเล็กๆ ติดอยู่ มีข้อความว่า “ขอความร่วมมือผู้ที่เข้ามาภายในบริเวณโรงเรียน กรุณาแต่งกายสุภาพ        งดเสื้อสายเดี่ยว หรือชุดนอน งดกางเกงหรือกระโปรงสั้นเหนือเข่า ทั้งนี้เพื่อเป็นการให้เกียรติวัดซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และโรงเรียน”ที่จริง นี่เป็นข้อเสนอของคณะครูบางส่วน ที่มองเห็นว่าระยะหลังๆ นี้ มีสาวๆ หลายคน แต่งกายล่อแหลม ไม่เหมาะสมกับวัดและสถานศึกษา อีกทั้งยังอาจเป็นแบบอย่างให้นักเรียนอื่นๆ ทำตามต่อๆ ไปได้ จนในที่สุด อาจทำให้บรรยากาศริมแม่น้ำหน้าวัดดูคล้ายๆกับชายทะเลไปก็ได้ เพราะแต่งตัวกันตามสบาย เกินไป จนเลยความเหมาะสม เรื่องนี้ไม่ใช่จะเจาะจงเฉพาะหญิงสาวเท่านั้น แต่ ยังรวมถึงผู้ชายด้วย ที่บางคนชอบถอดเสื้อ โชว์หุ่น เล่นกีฬา อ้างว่าร้อนทำนองนั้น

ข้อสังเกตเบื้องต้น ก็คือ ครูที่มาเสนอเรื่องนี้ไม่ใช่คริสตังด้วยซ้ำ แต่ผู้ที่แต่งตัว  ไม่เหมาะสมหลายคน กลับเป็นคริสตังเสีย เอง บางคนแม้เวลามาวัด ยังเอาแต่แต่งตัวตามสบายหรือไม่ก็ตามแฟชั่นเมืองร้อนซึ่งดูแล้วค่อนข้างล่อแหลมเกินไป ผู้แต่งกายเองมักจะบอกว่า “ไม่ได้คิดอะไรนี่” พ่อเชื่อว่าคงคิดอย่างนั้นจริงๆ แต่น่าควรคิดต่อสักหน่อยว่า เราไม่คิด แต่อาจเป็น  เหตุให้คนอื่นคิดไม่ดีก็ได้ เพราะล่อสายตามากเกินไป และอาจไม่เป็นการให้เกียรติสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามสมควรและที่จริง ไม่เป็นการให้เกียรติแก่ตนเองอีกด้วย

ที่จริง ประเด็นของพ่อในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องการแต่งกายโดยตรง แต่เป็นเรื่อง   “การฟื้นฟูความคิด” จากคำสอนของท่านนักบุญเปาโล ในบทอ่านที่สอง เพราะการกระทำหรือความประพฤติปฏิบัติใดๆ ย่อมเป็นผลมาจากความคิดทั้งสิ้นการฟื้นฟู ย่อมหมายถึง การปรับให้ก้าวหน้า หรือการพัฒนาให้สูงขึ้นหากจะพูดตรงข้ามกันก็คือ มีบางสิ่งถอยหลังหรือตกต่ำ จึงต้องมีการฟื้นฟูนั่นเอง

พ่อคิดว่า ความคิดของคนยุคใหม่สมัยนี้ที่เป็นเรื่องหนักๆ คือ ความคิดที่      ขาดหลักยึดมั่น จึงดำเนินชีวิตของตนไปตามการบอกเล่าของกระแส ถึงแม้จะต้องสนใจเหตุผลและความถูกต้องชอบธรรมน้อยลงไปก็ตาม ถ้าวันหนึ่งกระแสเปลี่ยน ไป ชีวิตก็แปรเปลี่ยนด้วย ชีวิตจึงไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร กำลังแสวงหาอะไร กำลังเดินทางไปไหน ไม่มีอะไรแน่นอน

สิ่งที่ทำให้ท่านนักบุญเปาโล เรียกร้องการฟื้นฟูความคิด ก็คือคำเตือนของท่านว่า “อย่าคล้อยตามความประพฤติของโลกนี้” และที่มาของความประพฤติของโลกนี้ก็คือ คำอ้อนวอนของท่านที่ขอเราว่า “ให้ถวายร่างกายของท่านเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตที่ศักดิ์สิทธ์” พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ หากเราดำเนินชีวิตโดยมีความคิดที่คอยแต่จะบูชาร่างกายของเรา หรือสนใจ   แต่เรื่องฝ่ายโลกแล้ว เท่ากับเรากำลังคล้อยตามความประพฤติของโลกนี้นั่นเอง และเราได้เห็นแล้วว่าผู้คนยุคใหม่นี้มีชีวิตที่บูชาร่างกายเพียงใด

พระเยซูเจ้าทรงตำหนิเปโตรอย่างหนักหน่วงในวันนี้ว่า“เจ้าซาตาน ถอยไปข้างหลัง (สิ่งที่ถอยหลัง ต้องได้รับการฟื้นฟู) ...เจ้าคิดอย่างมนุษย์” แล้วพระองค์แยกแยะว่า อะไรคือคิดอย่างมนุษย์ และอะไรคือคิดอย่างพระเจ้า

“จงเลิกคิดถึงตัวเอง และจงแบกไม้กางเขน”
เพราะใครคิดถึงแต่ตัวเอง อาจได้โลกเป็นกำไร แต่จะเสียชีวิตนิรันดร
บางที จะถึงเวลาที่เราแต่ละคนควรต้องฟื้นฟูความคิดของตนเองกระมัง!
 

...พ่อสุรสิทธิ์....