ชาวโปรตุเกสที่บางกอก
สมัยพระยาตาก (พระเจ้าตากสินมหาราช) : 1769 1782
หลังจากที่พระยาตากได้ขับไล่ทหารพม่า กอบกู้กรุงศรีอยุธยาเป็นผลสำเร็จ และได้ตั้งฐานอยู่ ณ บางกอก ในป้อมที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเรียกว่า
ธนบุรี นั่นเอง
ก)ที่วัดซางตาครู้ส
ปี 1769 คุณพ่อ กอร์ ซึ่งหนีภัยสงครามไปอยู่ที่เขมร เดินทางกลับมาบางกอกและได้พบปะกันกับบรรดาคริสตังชาวโปรตุเกส ที่อยู่ตามริมฝั่งเจ้าพระยา
ท่านได้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน นัยว่าบรรดาชาวโปรตุเกสคงจะได้ช่วยปราบกบฎ และต่อสู้กับทหารพม่ามาตลอด พระเจ้าแผ่นดินจึงทรงพระราชทานที่ดินให้ท่านสร้างวัด เมื่อปี 1770 ท่านจึงสร้างวัดชั่วคราวหลังหนึ่งให้ชื่อว่า
วัดซางตาครู้ส และท่านจึงนำบรรดาคริสตังให้มาอยู่รวมกัน
ข)ที่ค่ายแม่พระลูกประคำ
ปี 1769 เช่นกัน ชาวโปรตุเกสกลุ่มที่ไม่ยอมรับ และต่อต้านมิชชันนารีชาวฝรั่งเศส ก็ได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บางกอกด้วยเหมือนกัน โดยใช้ที่ดินว่างเปล่าเล็ก ๆ
ผืนหนึ่ง อยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ถัดจากวัดซางตาครู้สลงไป และอยู่เหนือสถานฑูตโปรตุเกสเล็กน้อย ไม่ยอมอยู่รวมกับกลุ่มที่ซางตาครู้ส
ณ ที่นี้พวกเขาสร้างบ้านเล็ก ๆ เพื่อเป็นที่เก็บ สมบัติ และเป็นที่อยู่ของผู้ดูแลและใช้เป็นที่สวดภาวนาร่วมด้วย
สมบัติ ดังกล่าวนี้ ที่แท้คือ รูปแม่พระลูกประคำ ซึ่งพวกเขายกให้เป็นองค์อุปถัมภ์ของสถานที่ จึงเรียกว่า ค่ายแม่พระลูกประคำ และรูปพระศพของพระเยซูเจ้า พวกเขาไม่ยอมให้รูปทั้งสองนี้ไปอยู่กับพระสงฆ์ชาวฝรั่งเศส โดยเขาหวังว่าวันหนึ่งจะมีพระสงฆ์ชาวโปตุเกสกลับมาดูแล
คริสตังที่อาศัยอยู่ ในค่ายแม่พระลูกประคำ ยังไม่มีวัด ยังไม่มีพระสงฆ์ชาวโปรตุเกส พวกเขาจึงต้องไปร่วมพิธีทางศาสนาที่วัดซางตาครู้สด้วย ถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
ดังนั้น ผู้ที่มาร่วมพิธีวัดซางตาครู้ส สมัยนั้นจึงมี:
1.กลุ่มชาวโปรตุเกสที่ยอมรับอำนาจสันตะสำนัก และมีความสัมพันธ์กับบรรดามิชชันนารีฝรั่งเศสอยู่แล้วตั้งแต่อยู่ที่อยุธยา
2.กลุ่มชาวโปรตุเกส จาก ค่ายแม่พระลูกประคำ ที่ต่อต้านมิชชันนารีฝรั่งเศส แต่ก็เป็นคาทอลิก และรอคอยด้วยความหวังว่า จะมีพระสงฆ์ชาวโปรตุเกสสักวันหนึ่ง
แต่ก็จำเป็นที่จะมีพระสงฆ์ฝรั่งเศส เพื่อประกอบศาสนพิธีสำหรับเขา
3.กลุ่มชาวญวณที่อพยพมาจากอยุธยาด้วยกัน
ในปี 1773 คุณพ่อ กอร์ ถึงแก่มรณกรรม ในมิสซังสยามจึงมีมิชชันนารีเหลืออยู่เพียง 3 องค์ คือ พระคุณเจ้า เลอบ๊อง
คุณพ่อ การ์โนลต์ คุณพ่อ กูเด ซึ่งถูกจับขังคุก ถูกล่ามโซ่อันเนื่องมาจากการเบียดเบียนศาสนา
ในปี 1775 ได้รับอิสรภาพ ทั้ง 3 ท่านกลับไปอยู่วัดซางตาครู้ส
ในปี 1778 ก็มีการเบียดเบียนศาสนาอีก ทั้ง 3 ท่านจึงถูกไล่ออกจากประเทศเดินทางไปมะละกา ทำให้ไม่มีพระสงฆ์คาทอลิกเหลืออยู่ใกรุงสยามแม้แต่องค์เดียว
ครั้นสิ้นแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงให้เรียกคณะมิชชันนารีกลับประเทศสยาม แต่ทาง คุณพ่อ กูเด
ซึ่งขณะนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นพระสังฆราช ประมุขมิสซังสยามแล้ว แต่มิได้เดินทางกลับกรุงสยามทันที เพระท่านยังติดภาระกิจสอนชาวบ้านที่ ยงเซลัง (เกาะภูเก็ต) ให้กลับใจอยู่
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทางพระราชวังจึงส่งคนไปเชิญมิชชันนารีชาวโปรตุเกสจากมาเก๊า คุณพ่อ ฟรังซิสโก พระสงฆ์มิชชันนารี
คณะดอมีนีกัน จึงเข้ามาในปี 1784 ท่านจึงเป็นพระสงฆ์คาทอลิกองค์เดียวที่มีอำนาจเต็มที่ บรรดาคริสตังที่เคยอยู่ในความดูแลของมิชชันนารีฝรั่งเศสจึงต่อต้านและไม่ร่วมมือ บรรดาคริสตังโปรตุเกสที่ไม่ชอบฝรั่งเศสจึงได้ใจทำการวางอำนาจอย่างเต็มที่
ครั้นเมื่อพระคุณเจ้า กูเด กลับมาบางกอก ในปี 1784 พบว่าคริสตังแตกแยกกันอย่างใหญ่หลวง ท่านจึงได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับคุณพ่อ ฟรังซิสโกสงฆ์โปรตุเกส
ซึ่งเมื่อคุณพ่อ ฟรังซิสโก ทราบความจริงว่า พระคุณเจ้า กูเด เป็นประมุขถูกต้องของกรุงสยาม ได้รับการแต่งตั้งจากพระสันตะปาปา
ท่านก็เข้ามานบนอบ ขึ้นกับ พระคุณเจ้า กูเด และชักชวนพวกโปรตุเกสหัวรุนแรงให้ยอมรับ พระคุณเจ้า กูเด เป็นประมุข และเป็นผู้ปกครองดูแลวัดซางตาครู้ส แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก
ท่านหมดหวังที่ไม่สามารถเปลี่ยนจิตใจของชาวโปรตุเกสหัวรุนแรงเหล่านี้ ท่านจึงตัดสินใจจากวัดซางตาครู้ส กลับไปมาเก๊าอย่างถาวร ส่วนพระคุณเจ้า กูเด
ก็ได้ถึงแก่มรณภาพ ในวันที่ 8 มกราคม ปี 1785 นั้นเอง
|